รวม นิทานไทย ได้แง่คิด ปลูกฝังวัฒนธรรมไทย !!
พญาคันคาก
เรื่องเล่าของพระมเหสีองค์หนึ่งที่ให้กำเนิดลูกชายออกมาเป็นคางคก ผิวหนังตะปุ่มตะป่ำดูน่ารังเกียจ และระหว่างการให้กำเนิดนั้นก็ได้เกิดลมพัดมาอย่างแรง พร้อมทั้งมีฟ้าผ่าลงมาไม่ขาดสาย พระราชาจึงตามโหรมาทำนาย โหรจึงกราบทูลพระราชาว่า แม้ร่างกายจะดูเป็นที่น่ารังเกียจก็อย่าเพิ่งตัดสินหรือไปดูถูกเขา แต่ขอให้เลี้ยงดูเขาให้ดี เขาจะนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่บ้านเมืองได้
เมื่อเติบใหญ่ขึ้น พระกุมารประสงค์จะได้พระชายาที่มีสิริโฉมงดงาม แต่พญาเอกราชได้ห้ามปรามไว้ ด้วยทรงอับอายในรูปกายของท้าวคันคาก แต่ท้าวคันคากก็ไม่ย่อท้อ ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระอินทร์ ด้วยบุญบารมีแต่ชาติปางก่อนของท้าวคันคาก พระอินทร์จึงเนรมิตปราสาทพร้อมทั้งประทานนางอุดรกุรุทวีป ผู้เป็นเนื้อคู่ให้เป็นชายา ส่วนท้าวคันคากเอง ก็ถอดรูปกายคันคากออกให้ กลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม
พญาเอกราชยินดีกับพระโอรส จึงสละราชบัลลังก์ให้ครองเมืองต่อ ทรงพระนามว่า พญาคันคาก พญาคันคากตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม มีเดชานุภาพเป็นที่เลื่องลือ จนเมืองน้อยใหญ่ต่างมาสวามิภักดิ์ แต่ก็ทำให้มีผู้เดือดร้อน คือพญาแถน ผู้อยู่บนฟากฟ้า เพราะมนุษย์หันไปส่งส่วยให้พญาคันคากจนลืมบูชาพญาแถน จึงแกล้งงดสั่งพญานาคให้ไปให้น้ำในฤดูทำนา ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพง ชาวเมืองจึงไปร้องขอพญาคันคากให้ช่วย
พญาคันคากจึงเกณฑ์กองทัพสัตว์มีพิษทั้งหลาย ได้แก่ มด ผึ้ง แตน ตะขาบ กบ เขียด เป็นอาทิ ทำทางและยกทัพขึ้นไปสู้กับพญาแถน โดยส่งมดปลวกไปกัดกินศัตราวุธของพญาแถนที่ตระเตรียมไว้ก่อน ทำให้เมื่อถึงเวลารบ พญาแถนไม่มีอาวุธ แม้จะร่ายมนต์ ก็ถูกเสียงกบ เขียด ไก่ กา กลบหมด เสกงูมากัดกินกบเขียด ก็โดนรุ้ง (แปลว่าเหยี่ยว) ของพญาคันคากจับกิน ทั้งสัตว์มีพิษก็ยังไปกัดต่อยพญาแถนจนต้องยอมแพ้ในที่สุด
พญาคันคากจึงเริ่มเจรจาต่อพญาแถน ขอให้เมตตาชาวเมือง ประทานฝนตามฤดูกาลทุกปี พญาแถนแสร้งว่าลืม พญาคันคากจึงทูลเสนอว่าจะให้ชาวบ้านจุดบั้งไฟขึ้นมาเตือน พญาแถนก็เห็นชอบด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุก ๆ เดือนหกซึ่งเป็นช่วงเริ่มฤดูทำนา ชาวอีสานจึงมีประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อบูชาพญาแถน เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกตลอดฤดูเพาะปลูก และเมื่อพญาแถนประทานฝนลงมาถึงพื้นโลกแล้ว บรรดากบเขียดคางคกที่เป็นบริวารของพญาคันคาก ก็จะร้องประสานเพื่อแสดงความขอบคุณต่อพญาแถน
ข้อคิดที่ได้ : จงรู้จักเจียมตัว ไม่พูดจาโอ้อวด หมั่นเพียรในการทำบุญ คนทำดีนั้นไม่ต้องโอ้อวด คนดีไม่ว่าจะตก อยู่ที่ใด ค่าของความดีก็ยังเหมือนเดิม
พิกุลทอง
หญิงหม้ายคนหนึ่งมีลูกสาว 2 คน คนโตชื่อ มะลิ คนที่สองชื่อพิกุล หญิงหม้ายนั้นรักมะลิมาก เพราะมีรูปร่างหน้าตาและนิสัยเหมือนนาง ส่วนพิกุลเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวย กิริยามารยาทดี พูดจาไพเราะและน้ำใจงาม พิกุลต้องทำงานหนักเนื่องจากความลำเอียงของมารดา แต่ด้วยความมีน้ำใจต่อคนอื่น ทำให้พิกุลได้รับพรจากรุกขเทวดาให้มีดอกพิกุลทองร่วงออกมาจากปากทุกครั้งที่พูด หญิงหม้ายมีความละโมบได้บีบคั้นให้พิกุลทองพูดเพื่อเอาทองคำ และให้มะลิไปขอพรรุกขเทวดา แต่มะลิมีนิสัยหยาบช้าจึงได้รับผลตรงกันข้ามกับพิกุล พิกุลถูกมารดาทำร้ายต้องหนีออกจากบ้าน ได้พบกับเจ้าชายรูปงามและครองคู่กันต่อมาอย่างมีความสุข
เรื่องย่อ นิทานไทย น่าสนุก ชวนติดตาม รีบหามาอ่านเลย!!
นิทานไทย เป็นเรื่องราวที่มีหลากเรื่อง ครบรส ชวนให้อ่าน ลองดูเนื้อเรื่องย่อกันเลย
นิทานพื้นบ้านที่มีต้นกำเนิดมาจากทางภาคเหนือของเรา พระนางจามเทวีเป็นอิสตรีที่มีความเก่ง และความฉลาด เมื่อภายหลังที่พระสวามีเสด็จสวรรคต พระนางจึงถูกกบฎจับตัวไปให้ครองเมืองอื่น และปกครองเมืองนั้นได้อย่างสงบสุข
โสนน้อยเรือนงาม
เจ้าหญิงที่จำต้องออกเดินทางไปนอกเมือง เนื่องจากมีโหรทำนายว่าดวงของเธอจะไม่ดี เธอต้องอาศัยอยู่ในป่า พระอินทรรู้สึกสงสารเธอ จึงได้มอบของวิเศษให้ เธอจึงนำของวิเศษนี้ไปช่วยชุบชีวิตหญิงคนหนึ่งที่ถูกงูกัดตาย แต่หญิงคนนั้นไม่ได้มีความสำนึกในบุญคุณเอาเสีย แต่กลับคิดจะทรยศ หวังจะช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอ
สังข์ทอง
ตัวละครคือ สังข์ทอง หรือเงาะป่าที่หลายคนคุ้นเคยกันดี สังข์ทองได้เล่าเรื่องที่เจ้าชายต้องการหาคู่ แต่อยากลองใจหญิงสาวที่จะมาเป็นคู่ครองก่อน จึงตัดสินใจแปลงกายเป็นเงาะป่าที่ตัวดำ รูปร่างอัปลักษณ์ แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าเงาะป่าหรือสังข์ทองก็ได้ค้นเจอหญิงสาวรายหนึ่ง นามว่า “รจณา” ที่รักที่ตัวตนของสังข์ทอง มิใช่รูปกาย
แตงอ่อน
หญิงสาวผู้โชคร้ายที่ได้ให้กำเนิดลูก แต่ต้องถูกสับเปลี่ยนกับจระเข้ ส่งผลให้เธอต้องถูกขับไล่ออกจากเมือง เธอต้องพบกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายต่าง ๆ มากมาย ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขอีกครั้ง
พระไชยเชษฐ์
มีพระธิดาองค์หนึ่งมีนามว่า นางจำปาทอง เนื่องจากเวลาที่นางร้องไห้ น้ำตาก็จะไหลออกมาเป็นดอกจำปา วันหนึ่งนางเก็บไข่จระเข้มาเลี้ยง เมื่อเลี้ยงได้เติบใหญ่ จระเข้ก็เที่ยวไปไล่กัดชาวบ้าน จนทำให้ท้าวอภัยนุโรธโกรธมาก จึงขับไล่นางออกไปจากเมือง
เมื่อเดินทางมาเรื่อย ๆ จนเจอยักษ์ตนหนึ่ง จึงตกใจวิ่งหนีไปจนไปเจอกับฤๅษีตนหนึ่ง จึงได้ขอกราบเป็นผู้รับใช้ฤๅษี
ต่อมาท้าวสิงหล ซึ่งเป็นยักษ์ที่ครองเมืองสิงหล ไม่มีทั้งพระโอรสและพระธิดา เห็นนางจำปาทองก็ถูกใจจึงขอไปเลี้ยงเป็นพระธิดา และเปลี่ยนชื่อเป็น นางสุวิญชา ขณะที่พระไชยเชษฐ์มีสนมอยู่แล้ว 7 คน แต่เมื่อเจอกับนางสุวิญชาก็ถูกใจจึงขอไปเป็นสนมอีก 1 คน และนางสุวิญชาตั้งครรภ์ แต่ด้วยสนมทั้ง 7 คนเกิดความอิจฉานางสุวิญชา เนื่องจากพระไชยเชษฐ์รักนางมากกว่า ทั้ง 7 คนจึงออกอุบายว่า นางสุวิญชาคลอดลูกออกมาเป็นท่อนไม้ พระไชยเชษฐ์จึงไล่นางสุวิญชาออกจากเมือง
ต่อมาพระไชยเชษฐ์เพิ่งรู้ความจริงว่าเรื่องราวที่สนมทั้ง 7 คนกล่าวมานั้นไม่เป็นความจริง พระไชยเชษฐ์จึงออกตามหานางอีกครั้ง
นางสิบสอง
คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นเศรษฐีแต่ไม่มีลูก จึงได้ไปไหว้ขอลูกกับเทวดา จากนั้นภรรยาของเขาก็ได้คลอดลูกออกมา 12 คน ต่อมาครอบครัวของเขาเริ่มยากจนลงเรื่อย ๆ จนพ่อตัดสินใจนำลูกไปปล่อยไว้ในป่า ต่อมาได้เจอกับนางยักษ์สารตรา ซึ่งนางได้นำ 12 คนไปเลี้ยงเป็นลูก
ต่อมาทั้ง 12 คนเพิ่งมารู้ว่าผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงคนนี้คือ ยักษ์ ทั้งหมดจึงพากันหนีออกมาจนมาเจอกับท้าวยาสิทธิ์ เจ้าเมืองขีดขิน ทั้งหมดจึงได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นมเหสี เมื่อนางยักษ์ทราบเรื่องจึงตามมาแก้แค้นด้วยการแปลงกายเป็นสาวสวย จนท้าวยาสิทธิ์หลงรักจึงได้แต่งตั้งให้นางเป็นมเหสีอีกคน
นางยักษ์นำนาง 12 คนนี้ไปไว้ในถ้ำแล้วควักลูกตาออก เว้นไว้แต่นางเภา น้องคนสุดท้องที่ควักตาออกไปเพียงข้างเดียว ขณะนั้นนางทั้ง 12 คนกำลังตั้งท้องอยู่ หลังจากที่คลอดลูกทุกคนกินลูกตัวเอง เพราะความหิวโหย แต่…นางเภา น้องคนสุดท้องไม่กิน เลี้ยงลูกชายคนเดียวนี้มาจนโตนามว่า พระรถเสน เมื่อนางยักษ์รู้ข่าวจึงต้องการจะฆ่าพระรถเสน จึงออกอุบายให้พระรถเสนนำสารไปส่งให้นางเมรี และบอกกับนางเมรีว่า “เมื่อพระรถเสนเดินทางถึงที่นั่นแล้วให้ฆ่าทิ้งเสีย”
แต่เมื่อพระรถเสนเดินทางไปถึงนางเมรีก็ตกหลุมรัก และแต่งงานอยู่กินกันมา ต่อมาไม่นานม้าของพระรถเสนเตือนให้รีบนำดวงตาไปคืนกับนาง 12 พระรถเสนจึงได้รีบกลับไปที่ถ้ำ เมื่อนางเมรีรู้ข่าวก็ออกตามหา เมื่อเจอพระรถเสน นางก็ร่ำไห้เสียใจจนสิ้นใจตาย
ไกรทอง
เรื่องราวของพญาชาลวัน จระเข้ที่มีฤทธิ์มีอาคมมาก อาศัยอยู่ในถ้ำใต้บาดาล มีภรรยาสองคน ชื่อ นางวิมาลา และนางเลื่อมลายวรรณ อยู่มาวันหนึ่งพญาชาลวันอยากกินเนื้อมนุษย์ จึงว่ายน้ำขึ้นไปก็ไปเจอกับนางตะเภาแก้วและนางตะเภาทองที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่ แต่พญาชาลวันตกหลุมรักนางตะเภาทองจึงได้ไปคาบกลับมาที่ถ้ำ ส่งผลให้ภรรยาทั้งสองคนไม่พอใจ
ฝ่ายพ่อซึ่งเป็นเศรษฐีของเมือง เข้าใจว่านางตะเภาทองเสียชีวิตแล้ว จึงออกป่าวประกาศว่าใครที่สามารถปราบชาลวันได้จะตบรางวัลให้อย่างงาม
ไกรทองขณะนั้นก็เป็นพ่อค้าชาวนนท์ที่ล่องเรือมายังเมืองพิจิตร ทราบข่าวก็อาสาจะปราบเอง สุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ และช่วยนางตะเภาทองมาได้อย่างปลอดภัย ฝ่ายพ่อจึงยกลูกสาวให้ไกรทอง พร้อมของกำนัลมากมาย แต่ไกรทองก็อดคิดถึงนางวิมาลาได้ สุดท้ายจึงได้นางมาเป็นภรรยาอีกคน
ข้อมูลอ้างอิงจาก https://momandbaby.net/http://www.tup.ac.th/http://ketsir.blogspot.com/http://www.digitalschool.club/https://www.sac.or.th/ https://www.sanook.com
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เป็นภัยต่อพัฒนาการลูกลงโทษแบบไหนถึงดี
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่