นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจาก ศูนย์เด็กโรงพยาบาลจอห์น ฮ็อปกิ้นส์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของโลก โดยศูนย์แห่งนี้ได้ดำเนินการวิจัยภายใต้ชื่อ Urban Environment and Childhood Asthma หรือสิ่งแวดล้อมในเมืองกับโรคหอบหืดในเด็ก และผลการวิจัยได้รับตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Allergy and Clinical Immunology เกี่ยวกับภูมิแพ้และการป้องกัน
ซึ่งงานวิจัยนี้ถูกจัดทำด้วยการเก็บและติดตามข้อมูลเด็ก 560 คนที่อาศัยอยู่ในย่านภายในนครบัลติมอร์ บอสตัน นิวยอร์ก และเซนต์หลุยส์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคดังกล่าว โดยเก็บและติดตามตั้งแต่เด็กยังเป็นทารก วิธีคือ ตรวจวัดคุณภาพอากาศและระดับเชื้อโรคที่ปนอยู่ในฝุ่นภายในบ้าน กับตรวจบันทึกของการเกิดอาการไอจามและอาการภูมิแพ้ ทั้งหมดใช้เวลา 3 ปี
ผลปรากฏว่าเด็กที่โตภายในบ้านที่เต็มไปด้วยขี้แมลงสาบ ขนหนูและขนแมว ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ เมื่อถึง 3 ขวบมีอัตราไอจามต่ำกว่าเด็กที่โตภายในบ้านที่สะอาด
และเมื่อแยกข้อมูลออกมาก็พบว่า ร้อยละ 40 ของเด็กที่ไม่เคยไอจามและแพ้สารใด ๆ เป็นเด็กที่อยู่ในบ้านที่มีระดับสิ่งสกปรกสูงสุด และความหลากหลายของเชื้อโรคมากที่สุด ขณะที่อัตราของเด็กที่อยู่ในบ้านเหล่านี้และเคยไอจามและเคยแพ้มีเพียงร้อยละ 8 ที่เหลือร้อยละ 42 เป็นพวกที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีระดับสิ่งสกปรกและความหลากหลายของเชื้อโรครองลงมา
สรุปคือเด็กที่มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งสกปรกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ มีอัตราไอจามและแพ้สารต่าง ๆ ต่ำกว่าเด็กที่ไม่ได้สัมผัส 3 เท่า