สำนักข่าวมิเรอร์ของประเทศอังกฤษ ได้เผยแพร่อาการป่วยของด.ญ.โคอี้ รัสเซลล์ วัย 5 ขวบ อาศัยอยู่เมืองเฮเมต รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีอาการน้ำมูกไหลออกมาตลอด โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งภายหลังมาทราบสาเหตุที่แท้จริงว่า “ลูกเอาของยัดจมูก”
แม่ของโคอี้กล่าวเพิ่มเติมว่า “มันใหญ่กว่าจมูกของโคอี้เสียอีก ฉันตกใจมาก ถามลูกสาวว่าลูกเอาของยัดจมูก เอาเข็มกลัดใส่เข้าไปในจมูกตัวเองหรือ ซึ่งเธอตอบว่าใช่ แต่หนูลืมบอกแม่ เพราะคิดว่ามันหลุดออกไปแล้ว”
อุทาหรณ์ข่าวนี้ คือ คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นเพียงลำพัง และควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นนะคะ
พร้อมกันนี้ Amarin Baby & Kids มี “5 วิธีสังเกตุอาการสิ่งแปลกปลอมอุดตันจมูก” มาให้กันด้วยค่ะ
1. ลูกหายใจติดๆ ขัด เหมือนคัดจมูก หรือสังเกตได้ว่าลูกหายใจคล่องเพียงรูจมูกข้างเดียว
2. เห็นว่าลูกพยายามแหย่-แคะ หรือดันรูจมูกอยู่เรื่อยๆ
3. มีน้ำมูกสีเหลืองๆ เขียวๆ น้ำมูกปนหนอง หรือปนเลือดไหลออกมาจากรูจมูกข้างเดียว ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น (มักจะเกิดจากการติดเชื้อ) มีอาการคล้ายไซนัสอักเสบซึ่งมักเป็นรายที่มีสิ่งแปลกปลอมติดแน่นค้างอยู่ เป็นเวลานาน
4. การที่มีของติดค้างในรูจมูกนานๆ นั้น จะเกิดอาการอักเสบหรืออุดตันมาก-น้อย เร็ว-ช้าแค่ไหนขึ้นอยู่กับเจ้าสิ่งแปลกปลอมอันนั้นด้วยครับ เช่น ถ้าเป็นพวกเมล็ดผลไม้โดยมากไม่นานก็จะบวมพองขยายตัวขึ้น และอุดตันยิ่งขึ้น
5. ถ้าเป็นวัสดุที่มีผิวหยาบ มีส่วนแหลมคม หรือมีส่วนผสมของสารเคมี เช่น พวกตุ๊กตุ่น ลวด นอต เศษหิน เศษไม้เล็กๆ นานเข้าก็จะเกิดเป็นแผลในเยื่อบุช่องจมูก เกิดอาการปวดบวม อุดตัน มีน้ำมูกไหลและมีเลือดกำเดา แล้วก็มักจะมีกลิ่นเหม็นด้วยครับพวกวัสดุเล็กๆ ที่มีผิวเรียบ เช่น เม็ดพลาสติก เม็ดกระดุม ลูกแก้ว ก็มักจะติดค้างอยู่เป็นเวลานานโดยยังไม่มีอาการผิดปกติ กว่าพ่อแม่จะรู้ ลูกก็มีอาการมากแล้วทั้งหมดนี้เป็น 5 วิธีสังเกตุว่า “ลูกเอาของยัดจมูก” และเกิดอาการผิดปรกติขึ้นค่ะ