RSV ไวรัส ที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้ทั้งในเด็กเล็ก และผู้ใหญ่ แต่หากเกิดขึ้นกับลูกเล็ก เด็กน้อย อาจจะมีอาการป่วยที่หนักกว่าในผู้ใหญ่ ซึ่งเจ้าไวรัส RSV มักระบาดหนักสุดในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ทีมแม่ABK จะพาไปรู้จักกับ RSV เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้เท่าทัน และป้องกันดูแลรักษาสุขภาพลูกน้อยไม่ให้ป่วยกันค่ะ
RSV ไวรัส คือ ?
ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) คือ โรคที่ติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส RSV มีอาการคล้ายหวัด แต่อาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ เมื่อติดต่อจะทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหาย ไอ มีน้ำมูก และหากติดเชื้อรุนแรง ก็อาจถึงขั้นปอดอักเสบได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเด็กต่ำกว่า 3 ปี อาการที่มักจะเกิดกับเด็กวัยนี้คือหลอดลมอักเสบ แต่หากเกิดกับผู้ใหญ่จะมีอาการคล้ายหวัดทั่วไป แต่หากเกิดในผู้ป่วยเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอด หรือ ผู้ที่กินยากดภูมิคุ้มกัน จะมีอาการรุนแรงมาก
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกน้อย เด็กเล็ก ติดเชื้อ RSV ไวรัส ?
อาการของโรค RSV เมื่อเริ่มแสดงอาการจะมีลักษณะคล้ายหวัด คือ มีน้ำมูก มีไข้ต่ำ ไอแห้ง เจ็บคอ ทำให้แยกได้ยากว่าลูกเป็นหวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ หรือ RSV กันแน่ แต่ในเด็กบางคน RSV จะมีอาการที่รุนแรงขึ้นในวันที่ 3-4 นับจากวันที่แสดงอาการคือ
- เริ่มหายใจเหนื่อยหอบ หายใจไม่อิ่ม เดินแล้วต้องหยุดพัก
- ไอมีเสมหะมาก
- มีไข้สูง
- ไอมีเสียงหวีดๆ
- บริเวณปากหรือเล็บมีสีเขียวคล้ำจากการขาดออกซิเจน
- เบื่ออาหาร เซื่องซืม
- หายใจเร็วกว่าปกติ
และสำหรับเด็กเล็กหรือทารก หากมีอาการดังนี้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
- ประสบภาวะขาดน้ำ สังเกตได้จากตอนร้องไห้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมา
- ไอและมีเสมหะเป็นสีเทา สีเขียว หรือสีเหลือง
- หายใจลำบาก หายใจเร็วกว่าปกติ หรือหอบเหนื่อย
- มีน้ำมูกเหนียวทำให้หายใจลำบาก
- ปลายนิ้วหรือปากเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำจากภาวะขาดออกซิเจน
- เด็กทารกที่มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เซื่องซึม เบื่ออาหาร หรือมีผื่นขึ้น
ซึ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ หากคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีหนึ่งในอาการดังกล่าว แนะนำให้พาลูกไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ
ทำไมไวรัส RSV ถึงรุนแรงกว่า โรคหวัด ?
โรคหวัด คืออาการติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งไวรัส RSV ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจเช่นกัน แต่จะหนักกว่า เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าไวรัสทั่วไป ดังนี้
- อาจทำให้เกิดโรคปอดบวมหรือโรคหลอดลมฝอยอักเสบได้ ไวรัสจะเคลื่อนตัวจากระบบทางเดินหายใจช่วงบน ได้แก่ จมูก คอ ปาก ลงไปที่ระบบทางเดินหายใจช่วงล่าง จนทำให้เกิดการอักเสบที่ปอดหรือทางเดินหายใจ
- อาจทำให้ติดเชื้อในหูชั้นกลาง เกิดจากเชื้อเข้าไปในพื้นที่บริเวณหลังแก้วหู ทำให้เกิดหูน้ำหนวก พบมากในผู้ป่วยที่เป็นทารกและเด็ก
- โรคหอบหืด และหลอดลมไวหากเกิดภาวะนี้ จะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว คือ ทุกครั้งที่เป็นหวัดจะไอมากมีเสมหะมาก เพราะเป็นผลจากหลอดลมไว และหากไม่ได้รับการรักษาก็ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดได้ ซึ่งหลังจากหายป่วยจากไวรัส RSV แล้ว คุณหมออาจจะพิจารณาให้ทานยา Singulair (Montelukast) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาโรคหอบหืด, รักษาโรคภูมิแพ้ (การจ่ายยาอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น)
- เกิดการติดเชื้อซ้ำ เมื่อมีการติดเชื้อแล้วครั้งหนึ่ง จะกลับมาติดเชื้ออีกครั้งได้เสมอ แต่อาการอาจไม่รุนแรงเท่าการติดเชื้อในครั้งแรก มักพบในรูปแบบของอาการหวัด
จะป้องกันไม่ให้ลูกเล็ก เด็กอ่อน ติดเชื้อไวรัส RSV ได้อย่างไร ?
อย่างที่บอกไปค่ะว่าไวรัสตัวร้าย RSV หากเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี หรืออาจโตกว่านี้ แต่ภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่แข็งแรง ก็มีโอกาสที่จะเจ็บ ป่วย ไม่สบายจากไวรัส RSV ได้เช่นกันค่ะ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยงจากการไวรัส RSV ซึ่งคุณแม่สามารถดูแลป้องกันตัวเอง และลูกน้อย ในเบื้องต้นได้ดังนี้
- ล้างมือบ่อยๆ ให้สะอาด ด้วยน้ำสบู่ หรือ แอลกอฮอลล์
- ผู้ป่วยควรใส่หน้ากาก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น
- หากลูกติดเชื้อไวรัส RSV ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ คอยระวังการไอ จาม ไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่เด็กคนอื่น เพราะหากแพร่เชื้อต่อไปเรื่อยๆ ไวรัสตัวนี้ก็อาจกลับมาหาลูก จนกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
- หลีกเลี่ยงให้เด็กที่คลอดก่อนกำหนดและทารกในช่วงอายุ 1-2 เดือนแรกสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ เช่น ผู้ที่เป็นไข้หรือเป็นหวัด
- ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ โดยเฉพาะทิชชูที่ใช้แล้ว ควรทิ้งลงถังขยะที่ปิดมิดชิด
- ไม่ควรใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น ควรใช้แก้วน้ำของตัวเอง และหลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำที่ผู้ป่วยใช้แล้ว
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทารกที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส RSV และพบอาการที่รุนแรงได้มากกว่า
- ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบว่าเด็กที่ป่วยมาเล่นของเล่นนั้น
เด็กๆ ต้องไปโรงเรียนในช่วงหน้าฝนแบบนี้ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพของลูกๆ ให้มากเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ห่างไกลจากการอาการไม่สบาย ที่เกิดจากไวรัส RSV และรวมถึงไวรัสต่างๆ ที่แฝงมากับหน้าฝนค่ะ …ด้วยความห่วงใย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
แม่โพสต์เตือน! สาเหตุที่ทำให้ ทารกท้องเสีย เป็นโรคลําไส้อักเสบ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad , โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลเจ้าพระยา