คุณแม่เล่าต่อไปว่า ตอนกลางคืน ลูกมักที่จะชอบละเมอส่งเสียงแปลก ๆ เริ่มกรี๊ด บางครั้งก็มีการออกเสียงแปลก ๆ คล้ายกับการ์ตูน และก็พูดแต่ภาษาอังกฤษแบบรัว ๆ … คุณแม่ก็ยังไม่เอะใจอะไรมาก จนกระทั่งถึงเวลาที่ลูกจะต้องเข้าโรงเรียนเตรียมอนุบาล
มีแต่คนถามว่า “ลูกพูดได้หรือยัง” เพราะเวลาที่คุณครูเรียกน้อง ๆ ไม่หัน ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่นั่งอยู่ในมุมเงียบ ๆ คนเดียว ให้ทำกิจกรรมอะไรก็ไม่ทำ เมื่อคุณครูทราบถึงสาเหตุก็ได้แนะนำให้คุณแม่พยายามเลี่ยงและงดไม่ให้น้องเล่นมือถือ เพราะการเล่นมือถือมากเกินไปนั้น ส่งผลกับพัฒนาการเด็กได้เป็นอย่างดี และถ้าหากน้องยังเป็นแบบนี้อยู่อาจจะต้องเข้าเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษแทน ผลท้ายฟังแล้วดูน่ากลัวที่สุดก็คือ จากเด็กที่เป็นออทิสติกเทียม อาจส่งผลให้เป็นออทิสติกแท้ได้เลย
พอกลับมาถึงบ้าน คุณแม่เล่าว่า เอาแต่ร้องไห้เสียใจ และเฝ้าโทษตัวเองที่ทำให้ลูกต้องเป็นแบบนี้ จึงใจแข็งและไม่ให้ลูกเล่นหรือเห็นมือถือของคุณแม่อีกเลย แรก ๆ ลูกก็ไม่ยอม แต่พอผ่านไปสองสัปดาห์ ตอนนี้ลูกอาการดีขึ้นมาก มีพัฒนาการที่ดีขึ้น พูดคุยและเริ่มปรับตัวเข้าหาเพื่อน ๆ ในชั้น
ซึ่งคุณแม่ได้แนะนำต่อไปอีกว่า การอ่านนิทานให้ลุกฟัง ให้ลูกได้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง สามารถช่วยให้ลูกดีขึ้นเยอะเลยละค่ะ