6 ข้อที่บอกว่า เรียนร้องเพลงดียังไง เพิ่มไอคิวช่วยลูกฉลาด - Amarin Baby & Kids
เรียนร้องเพลงดียังไง

6 ข้อที่บอกว่าให้ลูก เรียนร้องเพลงดียังไง เพิ่มไอคิว ช่วยลูกฉลาด!

Alternative Textaccount_circle
event
เรียนร้องเพลงดียังไง
เรียนร้องเพลงดียังไง

6 ข้อที่บอกได้ว่าการได้เรียนร้องเพลงมีประโยชน์สำหรับลูกรักยังไง ?

#1 ช่วยลดความเครียด การเรียนร้องเพลงจะมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ได้ดี เนื่องจากการเรียนร้องเพลงจะทำให้เด็ก ๆ ได้ฟังดนตรีและมีความรู้สึกเพลิดเพลิน สนุกสนาน เสียงดนตรีที่มีจังหวะแตกต่างกันก็จะส่งผลต่ออารมณ์ได้ดี ช่วยลดความเครียด ทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่ดี ช่วยให้อารมณ์ดี ทำให้เข้ากับคนอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ลดอาการซึมเศร้าและความเหงา สร้างความมั่นคงทางอารมณ์ของเด็กได้ดี

#2 การร้องเพลงอย่างสม่ำเสมอ จะส่งผลกับกลไกการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ช่วยให้ปอดและหลอดเลือดหัวใจแข็งแรง ทำให้หายใจได้ลึกขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ร่างกายรับออกซิเจนเข้ามาเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ได้มาก ทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตที่ดี มีผลดีต่อสุขภาพ

#3 ช่วยลดการนอนกรน การร้องเพลงจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อของลำคอและเพดานปากให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยหยุดหรือลดอาการกรนลงได้ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือช่วยป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับในเด็กได้

เรียนร้องเพลงดียังไง

#4 ช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายแข็งแรง เนื่องจากการร้องเพลงจำเป็นต้องใช้สมาธิในการหายใจเป็นอย่างมาก ซึ่งก็จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายได้ออกกำลังกายไปด้วยส่งผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนบนไปโดยปริยาย

#5 ช่วยฝึกสมาธิ ทำให้ความจำดี การเรียนร้องเพลงนั้นจะต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก เด็กจะได้เรียนรู้วิธีในการควบคุมตัวเองจากการใช้สมาธิเพื่อจดจำตัวโน้ต โดยเริ่มจากเพลงสั้น ๆ ง่าย ๆ และพัฒนาเป็นเพลงยาว เป็นการฝึกสมาธิไปทีละน้อย จนทำให้มีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและส่งผลต่อความจำดี

#6 ช่วยให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง การได้เรียนร้องเพลงเป็นประจำ ถือเป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเอง หมั่นฝึกฝน อดทนต่อการซ้อม และเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ทักษะที่เรียนมาแสดงความสามารถ ทำให้ตนเองรู้สึกประสบความสำเร็จ ซึ่งก็จะเกิดความนับถือและความมั่นใจในตัวเองตามมา

เรียนร้องเพลงดียังไง

มีผลการศึกษาจากกลุ่มผู้วิจัยได้ทำการเปรียบเทียบความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืนของเสียงประสาน ระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็กอายุ 3-5 ขวบที่ได้รับประสบการณ์ด้านดนตรีผ่านทางบทเรียนดนตรีพิเศษ และกลุ่มที่ไม่ได้รับบทเรียนดนตรี ได้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มของเด็กที่ได้รับประสบการณ์ด้านดนตรีผ่านทางบทเรียนดนตรีพิเศษมีความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืนของเสียงประสานเหนือกว่าเด็กในอีกกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทางกลุ่มสรุปว่า ความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืนของเสียงประสาน สามารถพัฒนาได้ในเด็กเล็กโดยผ่านบทเรียนดนตรีพิเศษ ช่วยให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับประสบการณ์ดนตรีต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และมีผลต่อการเพิ่มศักยภาพของสมองระหว่างการเล่นดนตรีและการฟังดนตรีด้วย เนื่องจากในการฝึกซ้อมดนตรีนั้น จำเป็นต้องอาศัยการทำงานที่ประสานกัน ระหว่างสมองส่วนที่ทำหน้าที่เฉพาะขั้นสูง และสมองส่วนที่ทำหน้าที่พื้นฐานในการได้ยินและการเคลื่อนไหว

ดังนั้นการได้รับประสบการณ์ด้านดนตรีตั้งแต่วัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบทเรียนวิชาดนตรีหรือการฟังดนตรีทั่วไปในชีวิตประจำวัน นอกจากจะมีผลดีต่อการพัฒนาศักยภาพด้านดนตรี ยังรวมถึงการพัฒนาในการเรียนรู้ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย การที่ลูกได้เรียนร้องเพลง มีการฝึกร้องเพลงอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเกิดประโยชน์ทั้งหมดนี้ตามมา อีกทั้งยังถือว่าเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็ก ๆ รู้จักใช้เวลาว่างอย่างเป็นประโยชน์ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองเห็นว่าเจ้าตัวเล็กชอบส่งเสียงร้องเพลง กล้าที่จะแสดงความสามารถ และมีความชอบในด้านการร้องเพลง คงเห็นแล้วว่าการปูพื้นฐานดนตรีในด้านนี้เป็นประโยชน์ต่อลูกไม่น้อย ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกรักได้ฉายแววนักร้องซูเปอร์สตาร์ในอนาคตกันดูซักตั้งนะคะ.

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : storylog.cokrunoinalovesinging.comwww.thairath.co.th

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :

เรียนดนตรีดียังไง หลายเหตุผลที่บอกว่า เลี้ยงลูกด้วยดนตรี มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต

เรียนดนตรีที่ไหนดี รวมที่เรียนดนตรีในกรุงเทพสำหรับเจ้าตัวเล็ก

7 เพลง ปูทางฉลาด ร้องเพลงให้ลูกฟัง สร้างลูกอารมณ์ดี!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

Summary
Review Date
Reviewed Item
เรียนร้องเพลงดียังไง
Author Rating
31star1star1stargraygray

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up