บทสนทนาภาษาอังกฤษ ที่คุณแม่พูดคุยกับลูกน้อยในชีวิตประจำวัน เป็นอีกหนึ่งทางลัดช่วยลูกน้อยให้เก่งภาษาได้โดยไม่ต้อง “ท่องจำ” เพราะระหว่างพูดคุยลูกจะได้เรียนรู้ทั้งคำศัพท์ ความหมาย การออกเสียง และสำเนียงการพูดไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยเรื่องอะไร ทีมแม่abk ได้รวบรวมบทสนทนาง่ายๆ ในสถานการณ์แตกต่างกันที่ใช้พูดคุยกับลูกได้ทุกวัน จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ
ปั้นลูกเก่งภาษา กล้าพูดกล้าคุยง่ายๆผ่าน บทสนทนาภาษาอังกฤษ ภายในบ้าน
งานวิจัยของ Stephen Krashen จากมหาวิทยาลัย University of Southern California ซึ่งระบุว่าผู้ใหญ่อาจเรียนรู้ภาษาด้วยสติสัมปชัญญะผ่านบทเรียน คำศัพท์ ไวยาการณ์ และโครงสร้างอื่นๆ ในขณะที่เด็กเล็กตั้งแต่วัยเริ่มพูดสามารถเรียนรู้ภาษาต่างๆได้พร้อมกัน ทั้งภาษาแม่ ภาษาที่สองและสามขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาอยู่ว่ามีการใช้ภาษาหลากหลายแค่ไหน สังเกตได้ว่า เด็กๆจะใช้วิธีซึมซับและทำความรู้จักกับภาษานั้นๆผ่านการพูดคุยเป็นหลัก ซึ่งเป็นสื่อสารตามธรรมชาติของมนุษย์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องท่องคำศัพท์ หรือเรียนไวยากรณ์ แต่กลับเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่และโต้ตอบโดยไม่ต้องสอน
ไม่ว่าบ้านไหนก็อยากให้ลูกน้อยเก่งภาษาอังกฤษ สามารถฟัง พูดคุย อ่าน เขียนได้เข้าใจเพื่อเป็นอาวุธสำคัญในการเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เปิดกว้างมากขึ้น ภาษาอังกฤษก็เป็นภาษากลางที่สามารถใช้สื่อสารกับคนทั้งโลกได้ แต่การจะให้เด็กวัยอนุบาลท่องจำตัวอักษร คำศัพท์ หรือดูคลิปสอนภาษาจากสื่อออนไลน์อาจเพียงพอที่จะช่วยให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษได้ เพราะสื่อการเรียนแบบนั้นเป็นการสื่อสารทางเดียว เด็กเป็นผู้รับฟังแต่ไม่ได้หัดโต้ตอบ พูดคุย หรือตั้งคำถามกลับไป ฉะนั้นการปล่อยให้ลูกดูคลิป หรือเคี่ยวเข็ญให้ลูกอ่านจากหนังสืออาจไม่ใช้วิธีเรียนภาษาของเด็กๆ
อยากเก่งภาษา บทสนทนาภาษาอังกฤษ ช่วยได้อย่างไร
จริงๆแล้วการเรียนภาษาอังกฤษเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากสิ่งรอบตัว เพียงคุณพ่อคุณแม่ลองหาเปิดโอกาส ชวนลูกมาพูดคุยเป็น บทสนทนาภาษาอังกฤษ ผ่านกิจวัตรประจำวันหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่พบเจออยู่แล้ว โดยไม่ต้องกังวลว่าภาษาอังกฤษของคุณพ่อคุณแม่จะต้องเป๊ะเว่อร์ เพียงแค่รู้สึกมั่นใจในการพูด หากไม่แน่ใจอาจต้องทำการบ้านเพิ่มเติมว่า ควรใช้คำศัพท์ว่าอะไร ออกเสียงอย่างไรจากคลิปเจ้าของภาษาก่อน เพียงเท่านั้นการเริ่มพูดคุยภาษาอังกฤษกับลูกก็ไม่ใช่เรื่องยาก
คุณแม่อาจเล่นบทบาทสมมุติไปตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น เล่นเป็นคุณครูกับลูกศิษย์, เล่นเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณตาคุณยาย หรือแม่ค้า และเพื่อให้ลูกเข้าใจว่าสามารถใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและเรียนรู้วิธีพูดกับคนที่แตกต่างกันด้วย
ในระยะแรกๆ ลูกจะยังฟังไม่เข้าใจ หรือพูดโต้ตอบไมได้ คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งหงุดหงิดหรือท้อใจเสียก่อน ขอให้พยายามพูดต่อไปอาจเปลี่ยนการเล่าเรื่องง่ายๆ อ่านนิทานภาษาอังกฤษ ระหว่างนี้ลูกจะค่อยๆจดจำวิธีพูดและน้ำเสียงไว้ พอเห็นว่าการพูดภาษาอังกฤษเป็นเรื่องธรรมดา ลูกจะรู้สึกว่าการพูดอีกภาษาก็เป็นเรื่องที่สนุกและยังได้รับคำชม ลูกก็พร้อมจะคุยด้วย
MUST READ : กระโปรงรถ เรียก skirt ได้ไหมกับ คำศัพท์ล้างรถ ไว้สอนลูกน้อย
MUST READ : ชวนลูกเรียนผ่านการเล่นเป็นภาษาอังกฤษ
5 บทสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ชวนลูกคุยได้ทุกวัน
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับลูกด้วยเรื่องอะไร ทีมแม่ abk ขอยกตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับเด็กอนุบาลที่พบเห็นและได้ใช้บ่อยๆ คุณพ่อคุณแม่อาจปัดฝุ่นทักษะภาษาอังกฤษหรือเริ่มฝึกฝนไปพร้อมลูกและชวนพูดคุยกันด้วยบรรยากาศสนุกสนานก็จะช่วยให้ลูกมีทักษะภาษาอังกฤษได้ไม่ยากค่ะ
บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับคุณครู
Teacher: “Good morning. How are you?” (กูด-มอร์นิง, ฮาว-อาร์-ยู)
[สวัสดีจ้ะ สบายดีไหม]
Child: “Good morning teacher. I am fine, thank you. And you?” (กูด-มอร์นิง-ทิชเชอร์. ไอ-แอม-ฟาย, แทง-คิว. แอนด์-ยู)
[สวัสดีค่ะคุณครู หนูสบายดี ขอบคุณค่ะ แล้วคุณครูล่ะคะ]
Teacher: “I am good. Thanks. What did you do over the weekend?” (ไอ-แอม-กูด. แต๊งส์. ว้อท-ดิด-ยู-ดู-โอเวอร์-เดอะ-วีคเอนด์)
[ครูสบายดีค่ะ วันหยุดนี้หนูทำอะไรมาคะ]
Child: “I went to the zoo.” (ไอ-เวนท์-ทู-เดอะ-ซู)
[หนูไปสวนสัตว์มาค่ะ]
Teacher: “Oh, that was great. Did you enjoy it?” (โอ-แดด-วอส-เกรท. ดิด-ยู-เอ็นจอย-อิท)
[โอ้โห ดีจัง สนุกมั้ยคะ]
Child: “Yes, it was so much fun.” (เยส, อิท-วอส-โซ-มัช-ฟัน)
[สนุกค่ะ สนุกมากๆเลย]
Teacher: “Nice. Now, let’s take a look at your homework.” (ไนซ์. นาว, เล็ตส์-เทค-อะ-ลุค-แอด-ยัวร์-โฮมเวิร์ค)
[เยี่ยมเลย เอาละ ไหนครูขอดูการบ้านหน่อยสิคะ]
บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับเพื่อน
Child: “Hi, Lily” (ไฮ, ลิลี่)
[สวัสดี ลิลี่]
Lily: “Hi, Tim. What are you doing?” (ไฮ, ทิม. ว้อท-อาร์-ยู-ดูอิง)
[สวัสดี ทิม เธอทำอะไรอยู่น่ะ]
Child: “I am playing with building blocks.” (ไอ-แอม-เพลอิง-วิท-บิลดิง-บล็อกส์)
[เล่นต่อบล็อก]
Lily: “That sounds nice. Can I join?” (แดด-ซาวส์-ไนซ์. แคน-ไอ-จอยน์)
[น่าสนุกแฮะ เล่นด้วยได้ไหม]
Child: “Yes, sure. And what is in your hand?” (เยส-ชัวร์. แอนด์-ว้อท-อิส-อิน-ยัวร์-แฮนด์)
[ได้สิ เอาเลย ว่าแต่ในมือเธอนั่นอะไรน่ะ]
Lily: “My new princess storybook. Do you want to read?” (มาย-นิว-พรินเซส-สตอร์รีบุ๊ค. ดู-ยู-ว้อนท์-ทู-รีด)
[หนังสือนิทานเจ้าหญิงเล่มใหม่ของฉันน่ะ เธออยากอ่านมั้ย]
Child: “No, thanks.” (โน-แทงคิว.)
[ไม่ละ ขอบใจ]
บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับญาติผู้ใหญ่
Grandpa: “Long time no see, Tim. I miss you so much.” (ลอง-ไทม์-โน-ซี, ทิม. ไอ-มิส-ยู-โซ-มัช)
[ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทิม ตาคิดถึงหลานจังเลย]
Child: “I miss you too, Grandpa.” (ไอ-มิส-ยู-ทู, แกรนด์ปา)
[ผมก็คิดถึงตาครับ]
Grandma: “You are very tall.” (ยู-อาร์-เวรี-ทอล)
[หลานตัวสูงจัง]
Child: “I drink milk every day.” (ไอ-ดริงค์-มิลค์-เอฟรี่-เดย์)
[ผมดื่มนมทุกวันเลย]
Grandma: “Very good. I have a gift for you.” (เวรี-กูด. ไอ-แฮฟ-อะ-กิฟท์-ฟอร์-ยู)
[เยี่ยมมาก ยายมีของขวัญมาให้หลานด้วยนะ]
Child: “Thank you, granny. What is it?” (แทงคิว, แกรนนี. วอท-อิส-อิท)
[ขอบคุณครับยาย อะไรเหรอครับ]
Grandpa: “It’s your favorite toy. Robot.” (อิท’ส-ยัวร์-เฟเวอริท-ทอย. โรบอท)
[ของเล่นโปรดของหลาน หุ่นยนต์ไง]
Child: “Wow, I like that!” (ว้าว, ไอ-ไลค์-แดด)
[โอ้โห ถูกใจเลยครับ]
บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดกับพ่อค้า/แม่ค้า
Seller: “Hello, what do you want for today?” (ฮัลโหล, วอท-ดู-ยู-วอนท์)
[สวัสดีค่ะ วันนี้รับอะไรดีคะ]
Child: “Can I have a stick of ice-cream please?” (แคน-ไอ-แฮฟ- อะ-สติก-ออฟ-ไอศกรีม-พลีส)
[ขอไอศกรีมแท่งหนึ่งครับ]
Seller: “What flavor do you want?” (วอท-เฟลเวอร์-ดู-ยู-วอนท์)
[รับรสอะไรดีคะ]
Child: “Chocolate please.” (ช็อกโกแลต-พลีส)
[รสช็อคโกแลตครับ]
Seller: “Alright, here you are. It’s 10 baht.” (ออลไรท์, เฮียร์-ยู-อาร์. อิทส์-เทน-บาท)
[ได้เลย นี่ค่ะ 10 บาทค่ะ]
Child: “Here you are.” (เฮียร์-ยู-อาร์)
[นี่เงินครับ]
Seller: “Thank you. Please come again.” (แทงคิว-พลีส-คัม-อะเกน)
[ขอบคุณค่ะ ไว้มาอุดหนุนอีกนะคะ]
บทสนนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกลูกพูดก่อนเข้านอน
Mom: “How was today? Did you have fun?” (ฮาว-วอส-ทูเดย์. ดิด-ยู-แฮฟ-ฟัน)
[วันนี้เป็นยังไงบ้างลูก สนุกไหม]
Child: “Yes, I was playing all day.” (เยส, ไอ-วอส-เพลอิง-ออลล์-เดย์)
[สนุกครับ เล่นทั้งวันเลย]
Dad: “What did you play?” (วอท-ดิด-ยู-เพล)
[เล่นอะไรเหรอ]
Child: “Many things. I played swing, games and toy cars.” (แมนี-ติงส์. ไอ-เพลด์-สวิง, เกมส์-แอนด์-ทอย-คาส์)
[หลายอย่างครับ เล่นชิงช้า เกม แล้วก็รถของเล่น]
Mom: “You must be so tired.” (ยู-มัส-บี-โซ-ไทร์เอ็ด)
[ลูกต้องเพลียมากแน่เลย]
Dad: “So you need to get some rest. Let’s sleep.” (โซ-ยู-นีด-ทู-เก็ท-ซัม-เรสต์. เล็ต’ส์-สลีพ)
[งั้นลูกพักผ่อนเถอะนะ นอนกันดีกว่า]
Child: “I feel not tired.” (ไอ-ฟีล-น็อท-ไทร์เอ็ด)
[ผมไม่เหนื่อยเลย]
Mom: “So, mommy will sing lullabies for you.” (โซ-มัมมี-วิว-ซิง-ลัลลาบายส์-ฟอร์-ยู)
[เดี๋ยวแม่ร้องเพลงกล่อมนอนนะจ๊ะ]
Child: “That is nice. I love your songs.” (แดด-อิส-ไนซ์. ไอ-เลิฟ-ยัวร์-ซองส์)
[เอาสิครับ ผมชอบให้แม่ร้องเพลง]
Mom/Dad: “Have a good night.” (แฮฟ-อะ-กูด-ไนท์)
[ราตรีสวัสดิ์นะลูก]
ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนบทสนทนาภาษาอังกฤษเหล่านี้ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ในระยะแรกลูกอาจไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูดด้วย หรือว่าเข้าใจแต่ยังไม่พูดตอบ แต่หากพยายามพูดคุยภาษาอังกฤษกับลูกบ่อยๆ ลูกจะเข้าใจโดยธรรมชาติและสื่อสารออกมาได้แน่นอนค่ะ
แหล่งข้อมูล www.learnenglishkids.britishcouncil.org www.sk.com.br
บทความน่าอ่าน
เทคนิคดี! หนิง ศรัยฉัตร สอนลูกสองภาษา ไม่ใช่แค่เรียนอินเตอร์