แม่ไม่ต้องกลุ้มใจ “ลูกดื้อ” ไม่เชื่อฟัง นักจิตวิทยาระดับโลกแนะให้รับมือลูกด้วย 3 วิธีนี้!
เมื่อลูกอยู่ในวัยที่เริ่มรู้เรื่อง สิ่งหนึ่งที่ทุกคุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องเผชิญกันก็คือ “ลูกดื้อ” พูดอะไรแล้วไม่เชื่อฟัง และเรื่องนี้นี่แหล่ะที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนต้องปวดหัว แต่ทราบหรือไม่คะว่า หากคุณพ่อคุณแม่สามารถจับจุดลูกได้ถูกละก็ รับรองว่า ไม่ว่าลูกจะมาไม้ไหน คุณพ่อคุณแม่ก็รับมือได้หมดแน่นอน
มอรีน ฮีลีย์ นักจิตวิทยาเด็กชื่อระดับโลก และเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Growing Happy Kids ได้ออกมาแนะนำถึงวิธีที่จะมาช่วยรับมือเวลาที่ลูกรักของเราดื้อมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น อย่ารอช้า รีบไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
3 วิธีรับมือ “ลูกดื้อ”
เมื่อลูกของเราดื้อนั้น มักสร้างความเครียดและหงุดหงิดใจให้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่ โดย มอรีน ได้กล่าวว่า เด็กสมัยนี้ดื้อ และเป็นเด็กที่ไวต่อความรู้สึกมากจริง ๆ พวกเขาเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเองมาก แถมยังมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเสียด้วย
เด็กหลาย ๆ คนดื้อชนิดที่เรียกว่า ดื้อไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งพ่อแม่ห้ามให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเท่าไร พวกเขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนความคิดของตัวเองมากเท่านั้น อีกทั้งยังกลับแสดงออกด้วยความท้าทายชนิดที่ ฉันอยากทำ ฉันก็จะทำ ไม่จำเป็นต้องไปบอกหรือฟังใครทั้งสิ้น ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนเครียดและถอดใจจนต้องเข้ามาขอคำแนะนำจากเธอถึงวิธีรับมือลูก จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น มอรีน ได้นำเสนอเอาไว้ให้ทั้งสิ้น 3 วิธีค่ะ
- เป็นโค้ชที่ดี คุณพ่อคุณแม่อาจจะสงสัย อ้าว! นี่ฉันจะมารับมือลูกเวลาที่ืพวกเขาดื้อนะ ไม่ได้จะมาสอนพวกเขาเล่นกีฬา! … ตรงนี้ มอรีน บอกว่า เธอเข้าใจดี แต่สิ่งที่เธอพยายามจะสื่อก็คือ ให้คุณพยายามเข้าไปอยู่ในโลกของลูกให้ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ทำในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่บอก และเมื่อคุณสามารถเข้าถึงได้ การที่จะเป็นโค้ชทางความคิดให้กับลูกนั้นไม่ยากเลยล่ะค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น: คุณพ่อคุณแม่บอกให้ลูกไปอาบน้ำและแปรงฟัน แต่ลูกไม่ยอมทำ เพราะเขารู้สึกว่าคุณกำลังออกคำสั่งให้เขาไปทำ ๆ ให้พวกเขาอยากรู้ว่า ถ้าไม่ทำแล้วจะทำไม จะเกิดอะไรขึ้น? หากเป็นตอนแรกที่ยังไม่ได้อ่านบทความนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะปรี๊ดแตกกันแล้วใช่ไหมละคะ เผลอ ๆ มีลงไม้ลงมือเสียด้วย ดังนั้น สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือ เข้าไปนั่งใกล้ ๆ ลูกเลยค่ะ พร้อมกับพยายามคิดแทนเขาว่า ที่เขาไม่ทำเป็นเพราะอะไร เมื่อเจอแล้วก็ค่อย ๆ คุยกับลูก ว่าที่แม่บอกให้หนูอาบน้ำแปรงฟันนั้น เป็นเพราะแม่เป็นห่วงนะจ๊ะ รอให้ลูกใจเย็น ผ่อนคลาย แล้วค่อย ๆ ถามเหตุผลที่ทำไมลูกถึงไม่ทำ เมื่อเขาบอกแล้วก็ค่อย ๆ แนะนำพร้อมอธิบายถึงเหตุและผลให้ลูกเข้าใจเท่านั้นเอง
- ขายตัวเองให้ผ่าน บางทีที่ลูกพยศหรือดื้อใส่คุณพ่อคุณแม่นั้นเป็นเพราะพวกเขายังไม่ไว้ใจ หรือเชื่อใจ เพราะอาจจะเคยโดนคุณพ่อคุณแม่หลอกมามากจนฝังใจและเกิดความกลัว ดังนั้น สิีงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำก็คือ การสวมบทบาทเป็นเซลล์ที่ดี ขายความเชื่อใจของตัวเองให้ผ่านก่อนแล้วค่อยนำเสนอสินค้าต่อไป พร้อมกับคุณเจรจาต่อลองกันด้วยคำพูดที่ว่า “แม่เข้าใจความคิดของลูกนะ เอาแบบนี้ไหม เรามาค่อย ๆ ตกลงกันคนละครึ่งทาง” โดยที่ต้องให้ลูกเป็นคนยื่นขอเสนอนั้นก่อนนะคะ (เหมือนกับการค่อย ๆ หลอกถามความต้องการของลูกค้านี่ละค่ะ) พอลูกค่อย ๆ เปิด คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะพูดเสริมว่า แล้วคุณแม่สามารถช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่ หนูมีอะไรอยากจะแนะนำแม่ไหมจ้ะ … พูดอย่างไรก็ได้ค่ะ ที่ทำให้ลูกของเราเปิดใจพูดกับเราให้ได้มากที่สุด พอเรารู้ เราก็หาทางว่า เราควรจะทำอย่างไร ที่จะไม่ใช่เป็นการตามใจ เพราะแน่นอนว่า หากลูกรู้ว่าพูดอะไรไปคุณแม่ก็ต้องให้ พวกเขาก็จะใช้ไม้นี้ไปตลอด ดังนั้น หากรู้แล้วก็ค่อย ๆ หาทางปรับความคิดความต้องการของลูก ให้มาอยู่ตรงกลางในระหว่างคำว่า ความเหมาะสมแทน เท่านี้ลูกก็จะรู้สึกแล้วละค่ะว่า ทั้งคุณและเขา เสมอกัน ไม่มีใครแพ้และไม่มีใครชนะ ต่างฝ่ายต่างพอใจถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นด้วยกันทั้งคู่
- สร้างแรงบันดาลใจให้กับลูก ลองดูสิคะว่า ลูกของเราชอบอะไร แล้วให้คุณพ่อคุณแม่พยายามไปศึกษาสิ่งนั้นเพิ่ม พร้อมกับอาจจะมีตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลูกได้เห็น ยกตัวอย่างเช่น คนที่ลูกชื่นชอบนั้น ลูกรู้ไหมว่า กว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้นั้น เขาผ่านอะไรมาบ้าง เขาต้องผิดหวัง เริ่มทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จากคนที่ไม่มีเคยมีแม้แต่ข้าวจะกิน ทำไมทุกวันนี้เขาถึงกลายเป็นคนที่รวยมีเงินเยอะระดับต้น ๆ นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมแพ้อย่างไรละจ้ะ ดังนั้น หากลูกอยากเป็นอะไร เพียงแค่ลูกมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ไม่ดื้อ พูดจารู้เรื่อง มีเหตุและผลละก็ ความฝันที่ลูกตั้งใจไว้ ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วละจ้ะ
มอรีน กล่าวต่ออีกว่า เด็กที่ดื้อมาก ๆ นั้นพวกเขาจะมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเด็กพวกนี้ จะเป็นเด็กที่มีความสามารถมาก อีกทั้งยังมีศักยภาพ ฉลาด และแฝงไปด้วยพรสวรรค์มากมายเลยละ แน่นอนว่ามันมากับความดื้อ แต่เชื่อไหมว่า พวกเขามักจะทำบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาต้องการนั้น สำเร็จเสมอ
เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่จับจุดพวกเขาให้เจอ พร้อมกับท้าทายพวกเขา และแฝงไปด้วยคำสอน คำแนะนำที่ควบคู่ไปกับความคิด ความมีวินัย และคุณธรรม และพิสูจน์ตัวเองให้ลูกได้เห็นว่า เวลาที่พวกเขาอยู่กับคุณนั้น คุณคือคนที่อยู่เคียงข้างพวกเขาจริง ๆ ทำให้ลูกรู้สึกสนุกและเชื่อใจ เท่านี้ไม่ว่าคุณจะบอกให้ลูกทำอะไร พวกเขาก็จะเชื่อ และมีอะไรก็จะหันมาขอคำปรึกษาจากคุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะค่ะ
เครดิต: MomScream
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- เลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ให้เป็น เด็กแก่แดด เกินวัย!
- 3 เทคนิคดี สอนลูกให้ใจเย็น รู้จักอดทน รอคอยเป็น ในยุค 4G
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่