ลูก อารมณ์ร้อน ตีพ่อแม่ นอนดิ้นกับพื้น ควรรับมืออย่างไร? - Amarin Baby & Kids
อารมณ์ร้อน

ลูก อารมณ์ร้อน โมโหร้าย ชอบตีพ่อแม่ ลงไปนอนดิ้นกับพื้น ต้องรับมืออย่างไร ?

Alternative Textaccount_circle
event
อารมณ์ร้อน
อารมณ์ร้อน

ลูก อารมณ์ร้อน –  เด็กอารมณ์ร้อน ขี้โมโห และชอบแสดงพฤติกรรมรุนแรง เช่น ตีพ่อแม่ หรือไม่ได้อย่างใจแล้วลงไปนอนดิ้นกับพื้น หรือแม้แต่การทำร้ายตัวเอง เป็นหนึ่งในปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม เนื่องจากพฤติกรรมลักษณะนี้อาจส่งผลเสียที่ร้ายแรงต่อตัวเด็กและคนรอบข้างได้หากไม่ได้รับการแก้ไข ผู้ปกครองควรดำเนินการเพื่อจัดการกับพฤติกรรม และขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น การตีหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่นถือเป็นความก้าวร้าวรูปแบบหนึ่งและอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและปัญหาด้านอารมณ์ของเด็กได้เมื่อเวลาผ่านไป

ลูก อารมณ์ร้อน โมโหร้าย ชอบตีพ่อแม่ ลงไปนอนดิ้นกับพื้น ต้องรับมืออย่างไร ?

แน่นอนว่า ความอารมณ์ร้อน และการทำร้ายผู้อื่น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเอง เป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางสังคมและอารมณ์ของเด็กหากไม่ได้รับการแก้ไข เด็กที่มีความก้าวร้าวมักจะมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น และอาจแสดงพฤติกรรมรุนแรงต่อไปเมื่อโตขึ้น การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น นักจิตวิทยาเด็กหรือผู้ให้คำปรึกษา สามารถให้การสนับสนุนและคำแนะนำในการจัดการกับพฤติกรรมของเด็กและส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมและอารมณ์ในเชิงบวก รวมถึงวิธีการที่พ่อแม่ใช้ในการรับมือเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าอารมณ์ร้อนของเด็กไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียวเสมอไป แต่เกิดจากหลายๆ ปัจจัยรวมกัน การทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของอารมณ์ร้อนของเด็กสามารถช่วยให้ผู้ปกครองและผู้ดูแลพัฒนากลยุทธ์เพื่อสนับสนุนการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของเด็ก

สาเหตุที่เด็ก อารมณ์ร้อน โมโหร้าย เกิดจากอะไรได้บ้าง?

มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เด็ก อารมณ์ร้อน ได้แก่

  • พันธุกรรม : ลักษณะทางอารมณ์และบุคลิกภาพ รวมถึงแนวโน้มอารมณ์ร้อนเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ได้
  • พัฒนาการทางสมอง : สมองของเด็กยังคงพัฒนาอยู่และศูนย์ควบคุมอารมณ์ของพวกเขาอาจยังไม่พัฒนาเต็มที่ ทำให้พวกเขาจัดการอารมณ์และควบคุมพฤติกรรมได้ยาก
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม : การสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดหรือกระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การถูกทำร้ายหรือการถูกละเลย สามารถเพิ่มโอกาสที่เด็กจะมีปัญหาในการจัดการอารมณ์และพฤติกรรมของตนเอง
  • ปัญหาพัฒนาการล่าช้า : เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าหรือมีอาการต่างๆ เช่น โรคสมาธิสั้น ออทิสติก หรือพฤติกรรมต่อต้านฝ่ายตรงข้าม อาจมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตนเอง
  • พฤติกรรมที่เรียนรู้ : เด็กอาจเรียนรู้พฤติกรรมก้าวร้าวหรือหุนหันพลันแล่นจากการสังเกตผู้อื่น เช่น สมาชิกในครอบครัวหรือสื่อต่างๆ
  • ความหงุดหงิด : เด็กอาจโกรธและอารมณ์ร้อนเมื่อพบกับความคับข้องใจหรืออุปสรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขาดทักษะและเครื่องมือในการจัดการกับอารมณ์เหล่านั้น

นอกจากนี้พฤติกรรมที่เด็กชอบลงไปนอนดิ้นกับพื้น เมื่อไม่ได้อย่างใจนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งเป็นลักษณะของการเอาแต่ใจในเด็ก อย่างไรก็ตาม เด็กมักจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นเรื่องธรรมดาที่ผํู้ปกครองต้องเรียนรู้ เพราะพวกเขายังอยู่ในขั้นพัฒนาการและยังขาดประสบการณ์ชีวิต ในช่วงปฐมวัย เด็กๆ ยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับโลกด้วยมุมมองที่ไม่กว้างนัก พวกเขามักจะมีความเข้าใจในมุมมองและความต้องการของคนอื่นอย่างจำกัด และมุ่งเน้นไปที่ความต้องการและความจำเป็นของตนเองเป็นหลัก นี่เป็นเรื่องปกติของพัฒนาการและช่วยให้เด็กมีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเองและเป็นอิสระ พวกเขายังคงพัฒนาทักษะการเอาใจใส่และการควบคุมอารมณ์ ซึ่งสามารถนำไปสู่พฤติกรรมที่เน้นตนเองเป็นศูนย์กลาง พวกเขาอาจมีปัญหาในการทำความเข้าใจและตอบสนองต่อความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น และมุ่งความสนใจไปที่อารมณ์และความปรารถนาของตนเองแทน

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า แม้ว่าพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองจะเป็นเรื่องปกติในเด็กเล็ก แต่เมื่อพวกเขาเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ พวกเขามักจะพัฒนาความเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นและกลายเป็นคนเอาแต่ใจน้อยลง ผู้ปกครองและผู้ดูแลสามารถสนับสนุนพัฒนาการนี้ได้โดยการสร้างแบบจำลองการเอาใจใส่ ส่งเสริมความร่วมมือ และสอนทักษะทางสังคมและกลยุทธ์การควบคุมอารมณ์

อารมณ์ร้อนในเด็กสามารถนำไปสู่ผลเสียหลายประการ 

1. ความยากลำบากในความสัมพันธ์

เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจมีปัญหาในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและผู้ใหญ่ ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

  • การเข้าสังคมลำบาก : เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจมีปัญหาในการหาและรักษาเพื่อนไว้ เนื่องจากการระเบิดอารมณ์และพฤติกรรมโกรธของพวกเขาอาจทำให้คนอื่นไม่พอใจได้
  • ความขัดแย้งกับเพื่อนและผู้ใหญ่ : เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจมีส่วนร่วมในการโต้เถียงและทะเลาะวิวาทกับเพื่อนและผู้ใหญ่ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
  • ทักษะการสื่อสารบกพร่อง : เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจมีปัญหาในการสื่อสารความรู้สึกและความคิดของตนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความขัดแย้ง
  • ความเชื่อใจที่เสียหาย : เด็กที่มีประวัติระเบิดอารมณ์อาจมีปัญหาในการสร้างและรักษาความไว้วางใจกับผู้อื่น

ความอารมณ์ร้อนอาจทำให้เด็กสร้างและรักษาความสัมพันธ์เชิงบวกได้ยาก ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยวและว้าเหว่ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กที่จะเรียนรู้กลไกการเผชิญปัญหาที่ดีในการจัดการอารมณ์และพัฒนาทักษะทางสังคมของพวกเขา

ลูกอารมณ์ร้อน
ลูกอารมณ์ร้อน

2. ลูก อารมณ์ร้อน ผลการเรียนอาจตกต่ำ

การระเบิดและพฤติกรรมก่อกวนอาจส่งผลเสียต่อความสามารถของเด็กในการจดจ่อและเรียนรู้ในโรงเรียน ด้วยปัจจัยหลายอย่าง อาทิ

  • การเรียนรู้ที่ไม่ต่อเนื่อง : เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจมีปัญหาในการจดจ่อในชั้นเรียน
  • พฤติกรรมก่อกวน : เด็กที่ควบคุมอารมณ์ได้ยากอาจมีส่วนร่วมในพฤติกรรมก่อกวน เช่น ตะโกนหรือขว้างปาสิ่งของ ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมการเรียนรู้สำหรับตนเองและผู้อื่น
  • ความสัมพันธ์เชิงลบกับครู : เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจมีปัญหาในการเข้ากับครู นำไปสู่ความขัดแย้งและขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งที่ดีในโรงเรียน
  • ความนับถือตนเองต่ำ : เด็กที่ต่อสู้กับการจัดการความโกรธอาจรู้สึกละอายต่อพฤติกรรมของตนเอง นำไปสู่การนับถือตนเองต่ำและขาดความมั่นใจในความสามารถทางวิชาการ
  • ความก้าวหน้าทางวิชาการที่ลดลง : ผลรวมของการเรียนรู้ที่หยุดชะงักและความสัมพันธ์เชิงลบกับครูสามารถนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการที่ลดลงและความยากลำบากในการบรรลุเป้าหมายทางการศึกษา

เห็นได้ชัดว่าความอารมณ์ร้อนสามารถรบกวนความสามารถของเด็กในการประสบความสำเร็จในโรงเรียน และบรรลุศักยภาพด้านการศึกษาอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กที่จะเรียนรู้วิธีที่ดีต่อสุขภาพในการจัดการอารมณ์และปรับปรุงพฤติกรรมของพวกเขาในโรงเรียน

3. ลูก อารมณ์ร้อน เพิ่มความเสี่ยงของความรุนแรง

เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจมีแนวโน้มที่จะแสดงท่าทีก้าวร้าวหรือรุนแรงเพิ่มขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้

  • พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น : เด็กที่มีอารมณ์ร้อนอาจแสดงอาการหุนหันพลันแล่นและทุบตีทางร่างกายเมื่อพวกเขาโกรธ ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น
  • พฤติกรรมก้าวร้าว : เด็กที่โกรธโดยควบคุมไม่ได้อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ผลัก ตี หรือขว้างสิ่งของ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่นได้
  • ควบคุมอารมณ์ได้ยาก : เด็กที่มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์อาจมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์โดยทั่วไป ซึ่งนำไปสู่การระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรง

ความอารมณ์ร้อนสามารถเพิ่มความเสี่ยงของพฤติกรรมรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงและยาวนานต่อตัวเด็กและคนรอบข้าง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กที่จะเรียนรู้วิธีที่ดีต่อสุขภาพในการจัดการอารมณ์และลดความเสี่ยงของพฤติกรรมรุนแรง

อ่านต่อ…ลูก อารมณ์ร้อน โมโหร้าย ชอบตีพ่อแม่ ลงไปนอนดิ้นกับพื้น ต้องรับมืออย่างไร ? คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up