การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยภาวะขาดธาตุเหล็กต้องได้รับการประเมินจากกุมารแพทย์ โดยแพทย์จะประเมินด้วยการซักประวัติต่างๆ โดยละเอียด เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร การตรวจร่างกาย และสุดท้ายคือการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ รวมถึงระดับฮีโมโกลบิน การประเมินสถานะของธาตุเหล็ก และการเก็บตัวอย่างเพื่อทำการทดสอบพิเศษ
แม้ว่าสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการขาดธาตุเหล็ก คือ การรับประทานอาหารที่สารอาหารไม่เพียงพอ แต่การทดสอบเหล่านี้มีความจำเป็นเพื่อระบุสาเหตุของการขาดธาตุเหล็กได้อย่างแม่นยำมากที่สุด ซึ่งการรักษาภาวะขาดธาตุเหล็กมักเกี่ยวข้องกับการเสริมธาตุเหล็ก อาจรวมถึงการรับประทานยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ โดยใช้เวลาในการรักษาและติดตามอาการสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน โดยแพทย์จะประเมินและรักษาภาวะแวดล้อมที่อาจนำไปสู่การดูดซึมธาตุเหล็กได้ไม่ดีหรือการสูญเสียเลือด ในกรณีที่ระดับฮีโมโกลบินของเด็กต่ำเกินไปเด็กอาจต้องได้รับการถ่ายเลือดหรือการบำบัดด้วยการฉีดธาตุเหล็ก หรือการบำบัดด้วยธาตุเหล็กทางหลอดเลือดดำ
โดยรวมแล้ว ครอบครัวที่บุตรหลานมีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กอาจได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือโดยนักกำหนดอาหาร เพื่อปรับปรุงการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยปรับปรุงการดูดซึมธาตุเหล็ก ดังนั้นอาหารเสริมตัวนี้จึงมีประโยชน์เมื่อใช้ร่วมกับอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก
การป้องกันเบื้องต้น
การป้องกันโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเบื้องต้นในทารกและเด็กเล็กขึ้นอยู่กับแนวทางการให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพ สำหรับในทารก การนำนมวัวมาใช้ในช่วงปีแรกของชีวิตเป็นปัจจัยเสี่ยงด้านอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาของภาวะขาดธาตุเหล็กและภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก นมโคมีธาตุเหล็กต่ำและดูดซึมธาตุเหล็กได้ไม่ดี นอกจากนี้ยังลดการดูดซึมธาตุเหล็กจากแหล่งอาหารอื่นๆ ดังนั้น การหลีกเลี่ยงนมวัวอย่างเข้มงวดในช่วง 12 เดือนแรกของชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันโรคโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็กได้
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นแนวทางปฏิบัติในการป้อนนมในอุดมคติด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงการลดความเสี่ยงของภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แม้ว่านมแม่จะมีธาตุเหล็กต่ำ แต่ธาตุเหล็กประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์สามารถดูดซึมได้ทางชีวภาพสำหรับทารก กระนั้น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหลังจากสี่ถึงหกเดือนอาจทำให้ทารกเสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็ก ดังนั้นอาหารเสริมธาตุเหล็กบางรูปแบบที่ให้ธาตุเหล็ก 1 มก. ต่อ กก. ต่อวัน จึงเหมาะสำหรับทารกในระยะเริ่มแรกตั้งแต่อายุ 4 ถึง 6 เดือน ซึ่งซีเรียลเสริมธาตุเหล็กสามารถช่วยตอบสนองความต้องการนี้ได้
มาตรการป้องกันอื่นๆ สำหรับเด็กวัยหัดเดิน ได้แก่ การส่งเสริมอาหารที่หลากหลายซึ่งอุดมไปด้วยธาตุเหล็กและวิตามินซี หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้มากเกินไป และให้วิตามินที่มีธาตุเหล็กแก่เด็ก
พ่อแม่จะช่วยลูกได้อย่างไร?
หากบุตรหลานของท่านมีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กและได้รับการรักษาด้วยการเสริมธาตุเหล็ก ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกทานอาหารเสริมธาตุเหล็กในปริมาณที่ถูกต้องและตรงตามเวลาที่กำหนด รวมถึงอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กในมื้ออาหารของของครอบครัว ซึ่งแหล่งอาหารที่มีปริมาณธาตุเหล็กสูงได้แก่
- ธัญพืชเสริมธาตุเหล็ก
- เนื้อไม่ติดมัน สัตว์ปีก และปลา
- เต้าหู้
- ไข่แดง
- ถั่ว
- ลูกเกด
นอกจากนี้ การเสิร์ฟผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงหรือน้ำส้มหนึ่งแก้วในเวลารับประทานอาหาร จะช่วยให้เหล็กดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี ข้อสำคัญ เพื่อช่วยป้องกันโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในเด็กเล็ก คือ ไม่ควรให้นมวัวแก่เด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี และจำกัดนมวัวในเด็กอายุมากกว่า 1 ปี ให้น้อยกว่า 2 ถ้วยนมต่อวัน เนื่องจากการให้นมวัวในปริมาณที่มากสามารถทำให้เด็กรู้สึกอิ่มและลดปริมาณอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กที่พวกเขาจำเป็นต้องกิน
สรุป ประเด็นและแนวทางสำคัญ ที่พ่อแม่ควรรู้
- โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก คือ การมีธาตุเหล็กในเลือดไม่เพียงพอ ธาตุเหล็กเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับฮีโมโกลบิน
- ทารกที่กินนมแม่อย่างเดียวควรได้รับธาตุเหล็กตั้งแต่อายุ 4 เดือนขึ้นไป
- เมื่อทารกอายุ 12 เดือน ควรตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก
- อาหารเสริมธาตุเหล็ก และอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กใช้รักษาโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.aafp.org , https://www.cedars-sinai.org , https://kidshealth.org
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เตือนไข้หวัดใหญ่ระบาด!รุนแรงในรอบ 2ปีรีบฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี
9 ไอเทมขาดไม่ได้! ดูแลคุณแม่และลูกน้อย เติบโตสมวัย สดใส แข็งแรง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่