คุณพ่อ คุณแม่หลายคน เคยสังเกตบ้างไหม เวลาที่เราสอน หรือพูดอะไรแล้วเขามีความเข้าใจกับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูดมากน้อยแค่ไหน มีคุณพ่อคุณแม่หลายคนมีความกังวลใจกลัวลูกจะมีปัญหาด้านการเรียนรู้ ไม่ฉลาดเหมือนเด็กคนอื่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน มาสังเกตสัญญาณว่าลูกจะเป็นเด็กฉลาด อัจฉริยะ หรือมีปัญหาด้านการเรียนรู้กันแน่
5 สัญญาณเด็ก อัจฉริยะ
ความฉลาดทางเชาว์ปัญญาหรือที่เราเข้าใจกันดีนั่นก็คือ IQ ไม่ใช่เกณฑ์วัดความรู้ที่ลูกของเรามีอยู่ แต่เป็นสิ่งที่วัดความสามารถในการรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ ได้แก่ การคิด การใช้เหตุผล การคำนวณ และการเชื่อมโยงต่างๆ ซึ่งค่า IQ นี้จะถูกกำหนดมาตั้งแต่ที่ลูกน้อยของเรายังเล็กๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ การดูแลลูกน้อยขณะอยู่ในครรภ์ และการดูแลลูกน้อยในช่วงวัยทอง 3 ขวบปีแรก แล้วหลังจากนั้นจะไม่สามารถเพิ่ม IQ ได้อีก แต่ว่า IQ ก็ไม่ใช่ตัววัดว่าลูกของเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าใคร ดังคำพูดที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า “ความแตกต่างระหว่างความโง่เขลาและความเป็นอัจฉริยะนั่นคือความอัจฉริยะมีขีดจำกัด” แต่ก็มีคุณพ่อคุณแม่หลายคนเชื่อว่า การที่ลูกน้อยมี IQ สูง ย่อมดีกว่าลูกมี IQ ต่ำ ซึ่งสัญญาณที่จะบ่งบอกว่าลูกน้อยของเราเป็นเด็กอัจฉริยะนั้น มีดังนี้
1.มีความวิตกกังวล
จิตแพทย์นามว่า Jeremy Coplan ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับโรควิตกกังวลของมนุษย์ และเขาพบว่ายิ่งคนที่มีระดับความกังวลสูงยิ่งมี IQ ที่สูงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจาก Interdisciplinary Center Herzliya ที่ประเทศอิสราเอล นักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมที่มีความวิตกกังวลมากที่สุด เป็นผู้ที่โฟกัสไปที่งานและมีความกระตือรือร้นมากที่สุดเช่นกัน
2.เด็กที่เริ่มหัดอ่านหนังสือได้ก่อนเด็กคนอื่นจะเป็นเด็กอัจฉริยะ
จากการศึกษาของประเทศอังกฤษได้ทำการทดลองจากคู่แฝดทั้งหมด 2,000 คู่ เด็กคนที่เริ่มหัดอ่านหนังสือก่อนจะมีไอคิวสูงกว่าคู่แฝดที่เริ่มทีหลัง นักวิจัยได้กล่าวว่า เหตุผลที่เด็กที่หัดเริ่มอ่านหนังสือก่อนมีไอคิวที่สูงกว่า ก็เพราะว่าการอ่านเป็นส่วนในการช่วยพัฒนาสมองที่สำคัญ ทำให้เด็กที่เริ่มอ่านก่อนฉลาดกว่า จริงๆ ก็คือการเริ่มอ่านหนังสือเร็วช่วยให้เด็กฉลาดนั่นเอง
3.เด็กที่ถนัดซ้ายฉลาดกว่าเด็กถนัดขวา
คุณครูสมัยก่อน ชอบบังคับให้เด็กเขียนหนังสือด้วยมือขวา กลายเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรทำ มีการศึกษาหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า เด็กที่ถนัดมือซ้ายจะมีความเกี่ยวข้องกับวิธีการคิดแบบอเนกนัย (Divergent Thinking) ซึ่งหมายความว่า เด็กเหล่านี้สามารถเชื่อมโยง 2 สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันในเชิงที่มีความหมายได้ และนี่ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความฉลาด
4.ดนตรีเป็นส่วนช่วยในเรื่องการพัฒนาสมองและความฉลาด
จากการวิจัยของนักจิตวิทยา Sylvain Moreno ได้นำเด็กอายุระหว่าง 4-6 ขวบ ทั้งหมด 48 คน มาแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละ 24 คน กลุ่มแรกให้เข้าห้องเรียนดนตรี ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งให้เข้าห้องเรียนทัศนศิลป์ เด็กทั้งสองกลุ่มต้องเรียนวันละ 1 ชม.ต่อวัน ทั้งหมด 5 วันต่อสัปดาห์ เวลาผ่านไป 1 เดือน ผลสรุปออกมาว่า เด็กกลุ่มแรกที่เรียนดนตรีมีการพัฒนาทาง IQ มากกว่าเด็กอีกกลุ่ม ดังนั้น การลงเรียนดนตรีตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กจึงมีส่วนช่วยให้ฉลาดขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องของการโฟกัสและการควบคุมตัวเองอีกด้วย
5.ลูกน้อยเป็นคนตลก
นักวิจัยได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการเป็นคนตลก กับการเป็นคนฉลาด มุขหรือการล้อเล่นต่างๆ ที่ถูกผลิตออกมาจากความคิดอันเฉียบแหลม มันไม่ใช่ว่าใครๆ ก็นึกจะเป็นคนตลกก็จะเป็นคนตลกได้
อย่างไรก็ตาม หากคุณพ่อคุณแม่พบว่า หลายครั้งลูกพูดอะไรออกมาแล้วฟังดูจับใจความยังไม่ค่อยได้ พูดอะไรมาก็ฟังไม่รู้เรื่อง หากเป็นเช่นนั้นจริงก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้ตั้งข้อสังเกตก่อนว่า ลูกของเราอาจจะกำลังประสบกับปัญหาบางอย่างอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาทางด้านของการเรียนรู้ เป็นต้น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกมีปัญหาด้านการเรียนรู้ ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้รวบรวมเนื้อหาข้อสังเกต สาเหตุ และวิธีการดูแลเอาไว้ให้ที่นี่แล้ว