ฝึกลูก ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน หลังลูกกลับจากโรงเรียน ด้วยกระดาษโน้ตสุดน่ารัก - amarinbabyandkids
ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน

แม่ไอเดียเก๋! เขียนโน้ตน่ารัก…มอบหมายงานบ้านให้ลูกๆ หลังกลับจากโรงเรียน

event
ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน

ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน

4. แจกแจงขั้นตอนการทำงาน

การสอนงานให้เด็กๆควรจะแจกแจงขั้นตอนและรายละเอียดให้ชัดเจน เช่นการมอบหมายให้ลูกดูแลห้องนอนตัวเอง ก็ให้รายละเอียดของงานที่จะต้องทำตั้งแต่การเก็บเตียงพับเก็บผ้าห่มให้เรียบร้อย เก็บของเล่นหรือของใช้ให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าเด็กโตหน่อยก็อาจจะเริ่มทำความสะอาดเอง อาจจะเริ่มจากส่วนเล็กๆแค่บนโต๊ะหรือชั้นวางของ แล้วค่อยๆเพิ่ม เมื่อโตขึ้นก็รับผิดชอบการปัดกวาดเช็ดถูเองทั้งหมด

5. ปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้าที่ให้เหมาะกับวัย

เมื่อลูกโตขึ้นคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องปรับเปลี่ยนหรือมอบหมายงานที่มากขึ้นหรือสำคัญมากขึ้น เด็กจะรู้สึกท้าทาย และจะรู้สึกภูมิใจหากสามารถทำได้สำเร็จ แต่ต้องระวังนะคะ มอบหมายงานให้เหมาะกับวัยและความสามารถของลูกเท่านั้นนะคะ อย่าให้มากหรือน้อยเกินไป

วัยไหน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน อะไรดี?

⇒ สำหรับลูกวัย 2 – 3 ขวบ = ควรเริ่มจาก ฝึกให้เด็กเก็บของเล่นใส่ตะกร้าหรือกล่องใส่ของเล่นเมื่อเล่นเสร็จ เก็บหนังสือเข้าที่ ช่วยวางช้อนส้อม ผ้าเช็ดปาก ผ้าเช็ดมือ บนโต๊ะอาหาร สอนให้เขานำผ้าที่จะซักใส่ลงตะกร้า ใส่เครื่องซักผ้า และให้เขาลองหัดพับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ และปลูกฝังวินัยทิ้งขยะให้ลงถัง

⇒ สำหรับลูกวัย 4-6 ขวบ = ลูกวัยอนุบาลควรฝึกให้ลูกรู้จักการแบ่งปัน เริ่มจากการให้อาหารสัตว์เลี้ยง และปลูกฝังการสร้างวินัยในตนเองด้วยการ เป็นผู้ช่วยคุณแม่ทำงานบ้านง่ายๆ อย่าง เก็บเครื่องนอนของตัวเอง ที่นอน หมอน พับผ้าห่ม เก็บของเล่นเข้าที่ และฝึกความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น เช่น ให้ลูกเป็นคนเตรียมอาหารว่างหรือขนมคบเคี้ยว หรือหลังรับประทานอาหารเสร็จ อาจให้ลูกช่วยเก็บจาน แก้วน้ำ และทำความสะอาดโต๊ะอาหาร

⇒ สำหรับลูกวัย 6-7 ขวบ = เมื่อถึงวัยนี้ลูกเริ่มโตและมีความรับผิดชอบมากขึ้น คุณพ่อ คุณแม่ อาจให้ลูกรับผิดชอบทำความสะอาดบ้านเล็กๆ น้อยๆ เช่น เก็บกวาดบ้าน ถูบ้าน เก็บผ้า พับผ้า  เปลี่ยนกระดาษชำระในห้องน้ำ ช่วยคุณแม่ล้างถ้วยชามเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หรืออาจจะให้ลูกเป็นผู้ช่วยตัวน้อย ช่วยคุณแม่ลงมือทำอาหาร ซึ่งอาจจะเริ่มจากขั้นตอนง่ายๆ เช่น ให้ลูกช่วยปอกเปลือกมันฝรั่ง หรือ แครอท หรือลงมือทำเมนูง่ายๆ อย่าง สลัด

⇒ สำหรับลูกวัย 8- 11 ปี = เมื่อถึงวัยนี้ควรให้ลูกรับผิดชอบตัวเองได้มากขึ้น เช่น มอบหมายให้ลูก รับผิดชอบงานบ้าน ที่ยุ่งยากมากขึ้น เช่น ล้างจาน ซักผ้า ตากผ้า พับผ้า ทำความสะอาดบ้านเรือน ตลอดจนดูแล จัดเก็บห้องนอนของตัวเองด้วย ทำงานสวนเล็กๆน้อย ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ เดินไปเก็บจดหมาย หรือ แผ่นปลิวโฆษณาที่เสียบไว้ที่ประตูรั้ว หรือช่วยจดข้อความที่ฝากไว้ ช่วยคุณแม่ทำอาหาร ทำขนมในเมนุที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกหน่อย และให้เขาได้ลองเตรียมอาหารมื้อง่ายๆ ถ้าลูกเป็นเด็กผู้หญิงอาจเริ่มสอนให้เขารู้จักซ่อมแซมเสื้อผ้าที่ขาดเล็กๆน้อย ไม่ยุ่งยาก เช่น เย็บรอยขาดจุดเล็กๆ หรือซ่อมกระดุม เป็นต้น

⇒ สำหรับลูกวัย 12 ปีขึ้นไป = วัยนี้เป็นวัยที่ลูกโตพอที่จะรู้จักช่วยเหลือตัวเอง คุณพ่อ คุณแม่ อาจมอบหมายให้เขาให้รับผิดชอบเรื่อง งานบ้าน ได้หลายหลายประเภทมากขึ้นค่ะ แต่อย่างไรก็ดี คุณพ่อ คุณแม่ ควรดูแล และคอยระวังเรื่องการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่อาจเป็นอันตราย  ซึ่งอาจเริ่มจากให้ลูกไปซื้อของที่ร้านขายของชำ ไปจ่ายตลาด เตรียมอาหารเย็น เปลี่ยนหลอดไฟเพดาน รีดผ้า ดูแลน้อง ทำงานสวน รดน้ำต้นไม้ ตัดตกแต่งแนวพุ่มไม้ ช่วยคุณพ่อล้างรถ ทำความสะอาดบานหน้าต่าง ทาสี และซ่อมแซมงานบ้านเล็กน้อยๆ ที่สำคัญควรชมเชยในความพยายามของลูกแม้บางครั้งเขาอาจยังทำได้ไม่ดีพอก็ตาม

6. จัดทำตารางการทำงานและผู้รับผิดชอบ

รวมทั้งการให้รางวัล ถ้าลูกโตพออาจจะชวนกันทำตารางการทำงานและผู้รับผิดชอบ รวมทั้งการบันทึกผลการทำงาน แล้วก็ช่วยกันตั้งเกณฑ์ของการได้รับรางวัลรวมถึงการตั้งรางวัลด้วย รางวัลที่ว่าอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของ อาจจะเป็นการได้ไปเที่ยวด้วยกัน การได้นอนดึกมากขึ้นในวันหยุด สำหรับเด็กเล็กเราอาจประเมินและให้รางวัลกันรายวัน แต่ถ้าเด็กโตก็อาจจะเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน

7. อย่าจุกจิกจู้จี้ขี้บ่น

มอบหมายงานและความรับผิดชอบให้เหมาะสมกับวัยของลูก อธิบายให้ชัดเจนถึงวิธีการทำงาน และตกลงกันถึงกฎกติกาของครอบครัว หากลูกไม่รักษาหน้าที่ก็อย่าใช้วิธีจิกบ่นให้ทำ แต่ใช้การลงโทษตามที่ได้ตกลงกันไว้

และสุดท้าย ควรชื่นชมลูกทุกครั้งเมื่อลูกทำงานสำเร็จ หรือรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่อย่าลืมแสดงความชื่นชมลูกด้วยนะคะ ควรดูที่ความพยายามของลูกที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมาย อย่าไปเน้นที่ผลของงานโดยเฉพาะกับลูกเล็กๆ นั้นก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกดีกับงานที่ทำและอยากทำอีกเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า พ่อแม่ทุกคนคงคาดหวังให้ลูกเติบโตเป็นคนดี รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพไม่ได้เลยนะคะ ถ้าพวกเขายังไม่สามารถรับผิดชอบและดูแลชีวิตของตัวเองได้ หรือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำงาน ซึ่งบางอย่างที่ไม่อยากทำแต่จำเป็นต้องทำเพราะนั้นเป็นหน้าที่ และการรักษาหน้าที่ของตนก็จะทำให้เขาได้รับรางวัลหรือผลดีจากการกระทำนั้นๆ นั่นเองค่ะ

อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : kruwantida.blogspot.com , women.mthai.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up