เด็ก 3-6 ปี

การไปโรงเรียนวันแรกของลูก เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญของลูกน้อยและคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วย ไม่ใช่แค่ลูกที่ตื่นเต้นและกังวล พ่อแม่เองก็มีความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน ทั้งลุ้นกันว่าลูกจะชอบโรงเรียนไหม อยู่ได้ไหม งอแงหรือเปล่า และถึงจะผ่านมานานเกือบเดือนแล้ว แต่หลายๆ บ้านก็ยังมีความรู้สึกนั้นอยู่ … วิธีแก้อยู่ที่การเตรียมความพร้อมและการรับมือค่ะ  วันนี้เรามีวิธีการรับมือกับปัญหาต่างๆและวิธีการเตรียมความพร้อมทั้ง 4 ด้านเพื่อให้ลูกเต็มที่ และสนุกไปกับการเรียนรู้ที่ดีในแต่ละวัน ง่ายๆ มาฝากค่ะ พัฒนาการด้านอารมณ์ คุณแม่ควรเริ่มจากค่อยๆ พูดคุยกับลูกถึงข้อดีของการไปโรงเรียน เช่น ลูกจะได้เล่นของเล่นหลากหลาย  มีขนมให้กิน ได้ฟังนิทาน มีเพื่อนเล่นมากมาย เพื่อให้ลูกมีภาพที่ดีของการไปโรงเรียน พัฒนาการด้านสมอง คุณแม่สามารถเริ่มสอนให้ลูกรู้จักคำศัพท์ง่ายๆ ตัวเลข สี หรือรูปร่างรูปทรง พัฒนาการด้านร่างกาย คุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้ออกไปเล่นนอกบ้านบ้าง หรือชวนกันไปทำกิจกรรม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เค้ามีร่างกายที่แข็งแรง พัฒนาการด้านภูมิต้านทาน คุณแม่สามารถดูแลเค้าด้วยโภชนาการที่เหมาะสม เพราะสุขภาพร่างกายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดค่ะ เพื่อให้เค้าสนุกสนานกับการเรียน ไม่เจ็บป่วยง่าย นอกจากนั้น ยังมีเทคนิคน่าสนใจเพิ่มเติมในการรับมือกับลูกในช่วงวัยเรียน เช่น บอกเวลาที่พ่อแม่จะมารับอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเด็กวัยอนุบาลยังไม่เข้าใจเรื่องเวลา (concept of time แต่การบอกเวลาให้เด็กเข้าใจง่าย จะช่วยให้ลูกรู้จักรอเวลาที่้พ่อแม่จะมารับ ตัวอย่าง การบอกเวลาง่ายๆ เช่น ชี้ให้ลูกดูเข็มนาฬิกาในห้องเรียนว่าถ้าเข็มสั้นชี้เลข 3 […]

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา คสช. ออกคำสั่งให้รัฐจัดการศึกษาให้เด็ก เรียนฟรี 15 ปี ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึง ม.6 ซึ่งมีผลทันที เพื่อลดการเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสให้เด็กๆ ทุกคนได้มีการศึกษา สร้างความเป็นธรรมในสังคม และแก้ปัญหาความยากจน พัฒนาเด็กให้มีคุณภาพ

คุณพ่อ คุณแม่อาจมีความกังวลว่าถ้าลูกโตขึ้นจะดูถูกคนอื่นหรือไม่ เมื่อพบว่าลูกชอบเปรียบเทียบว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่คุณพ่อ คุณแม่ก็ไม่เคยชม หรือให้ท้าย จึงอยากหา วิธีสอนลูกโตไปไม่ดูถูกคนอื่น ตั้งแต่เด็กๆ เพราะไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กหลงตัวเอง

อยากให้ผู้ใหญ่อ่าน … ปัจจุบันปัญหาสังคมเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทย หลายฝ่ายหลายภาคส่วนรณรงค์ช่วยกันแก้ไข แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าจากการสำรวจ สถาบันที่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาสังคมมากที่สุด กับนิ่งเฉยมาก นั่นก็คือ สถาบันครอบครัว

การตรวจสุขภาพลูก เป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรใส่ใจ เพราะช่วยให้ได้รู้ว่าลูกแข็งแรงดีไหม มีพัฒนาการสมวัยหรือ หรือมีโรคใดที่แอบแฝงอยู่หรือเปล่า จะได้รักษาได้ทันค่ะ

(ภาพจากแสนสิริ โครงการสราญสิริ ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ) อีกหนึ่งทักษะของเด็กวัย 3 – 6 ปี ที่ต้องได้รับการส่งเสริมและพัฒนา นอกเหนือจากการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองแล้ว ทักษะการเข้าสังคมของลูก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ทักษะทางสังคมที่ดี ประกอบด้วย การพูด การฟัง การอยู่รวมกันกับผู้อื่น หากตอนนี้ลูกของคุณเป็นเด็กขี้อายมาก ไม่กล้าเล่นกับเพื่อนๆ ชอบเล่นคนเดียว  เรามีคำแนะนำในการส่งเสริมทักษะการเข้าสังคมให้ลูก สำหรับเด็กแล้วทักษะทางสังคมที่เริ่มต้นได้ง่ายที่สุด มาจากการ “เล่น” ค่ะ การชวนลูกออกไปเล่นข้างนอก นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศให้เด็กๆ ได้ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่แล้ว เด็กจะตื่นเต้น ตื่นตัว มีความสุข และพร้อมรับการเรียนรู้ที่แปลกใหม่ได้ง่าย สถานที่ “เล่น” ที่ใกล้ที่สุด และเป็นสังคมที่เด็กๆ คุ้นเคยได้ง่าย กล้าที่จะเล่นอย่างเต็มที่  เช่น สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่นของโรงเรียน เป็นต้น นอกจากการเล่นเครื่องเล่นสนามที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินแล้ว เด็กๆ ยังสามารถสร้างสรรค์การเล่นใหม่ๆ ในแบบของเขา ที่มีกติการ่วมกัน กับเพื่อนวัยเดียวกันได้  ด้วยการเล่นวิ่งไล่จับ การเล่นบทบาทสมมุติ การเล่นกระต่ายขาเดียว ฯลฯ ข้อดีของการเล่นในด้านร่างกาย ที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อแขนและขาให้แข็งแรงแล้ว  ยังช่วยพัฒนาด้านอารมณ์ […]

เหตุผลที่ควร ล้างจมูกลูก เพราะน้ำมูกเป็นสิ่งอุดตันประเภทหนึ่งที่สร้างความรำคาญให้แก่ลูกน้อย เพราะในช่วงเด็กวัยไม่ถึงขวบจะยังสั่งน้ำมูกออกเองไม่เป็น ซึ่งมีผลทำให้เขาหายใจไม่สะดวก รู้สึกอึดอัดรวมทั้งนอนหลับไม่สนิท อยากให้เรานึกถึงตอนเราเป็นหวัดคัดจมูก มีน้ำมูกมาก ๆ ในรูจมูก ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็สามารถออกแรงสั่งดังปี้ดป๊าดออกมาในกระดาษทิชชูได้ แต่เด็กทารกไม่สามารถทำได้อย่างนั้น เขาต้องอาศัยการดูแลจากคุณพ่อคุณแม่ ล้างจมูกลูก ดูดน้ำมูกออกให้

” อย่าบังคับให้ลูกทำ “… เชื่อว่าความหวังดีหลายอย่างของพ่อแม่ แต่บางครั้งเรื่องบางเรื่องสำหรับลูกที่ยังอายุน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องคาดคั้น หรือบีบบังคับให้ลูกต้องทำในทันที เพราะอาจกลายเป็นดาบที่มาทิ่มแทงลูกน้อยให้เจ็บปวดโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว

เหตุการณ์น่าเศร้าจากข่าวที่พบคุณพ่อชาวจีน โมโหลูกที่ไม่ยอมทำการบ้าน พลั้งมือปากรรไกรปักที่ศีรษะลูกน้อย เป็นเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์ให้คุณพ่อ คุณแม่ได้เป็นอย่างดีว่า อย่าใช้อารมณ์กับลูก ถึงแม้ว่าจะโมโหมากแค่ไหน คุณพ่อชาวจีนรายนี้อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มีลูกสาววัย 10 ขวบ

คุณแม่ท่านหนึ่งเล่าประสบการณ์เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ ให้ระมัดระวังลูกถูกคนร้าย ลักพาตัวต่อหน้าพ่อแม่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่และลูกๆ อีก 2 คน ไปทำธุระที่ธนาคาร แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีคนแปลกหน้ามาพาลูกไปต่อหน้าต่อตา

เชื่อว่าหลายๆ บ้านยังคงใช้วิธีทำโทษด้วยการ ตีลูก หากลองนึกย้อนกลับไปสมัยคุณยังเป็นเด็กไม่มีใครคิดว่าการตีเด็กเป็นเรื่องผิด อันที่จริงการตีถือเป็นวิธีสั่งสอนที่ดีที่สุดด้วยซ้ำไป

พ่อแม่หลายคนคงเกิดคำถามค้างคาใจ ว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อ ลูกถูกเพื่อนรังแก จะให้สู้หรือหนีย้ายโรงเรียน หลายคนให้ความคิดเห็นว่าคุยหรือสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น ห้ามตำหนิหรือโทษลูกที่ถูกรังแก แสดงความเห็นใจลูก คุยกับครูที่โรงเรียนเพื่อแก้ไข ย้ายโรงเรียนหนี และอื่นๆ

สมาธิ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ ช่วยให้ลูกรับข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาสมองได้ดี สมาธิ คือ การจดจ่อกับสิ่งที่จะทำอย่างแน่วแน่ เพื่อพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ … เด็กบางคน เก่ง ฉลาด พูดจาฉะฉาน ความจำดี ดูนิ่ง และมีความตั้งใจทำอะไรได้นาน แต่เด็กบางคนมีพฤติกรรมต่างกันสิ้นเชิง นั่นเพราะว่าขาดสมาธิ ซึ่งสมาธิเป็นปัจจัยสำคัญในการเรียนรู้ และจดจำของเด็ก

ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว นอกจากความพร้อมในการไปโรงเรียนก็คือการดูแลสุขภาพของลูกให้แข็งแรง ห่างไกลจากโรคยอดฮิตของเด็กๆ มาดูกันว่า โรคเด็ก ช่วงเปิดเทอม มีอะไรบ้าง

วันนี้คุณพูดคำว่า “ไม่ได้นะ” กับลูกกี่ครั้งแล้ว พยายามใช้ คำพูดเชิงบวก กับลูกแม้ว่าเขาจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่เวลาแสดงออกกับเขาก็ต้องเมตตาอ่อนโยน เพราะลูกชอบเลียนแบบคำพูดพ่อแม่ คุณอาจเคยได้ยินลูกพูดคำเดียวกับตัวเอง จะเห็นชัดเจนในเด็กหัดพูด

คุณพ่อ คุณแม่หลายๆ คนคงเคยตะโกนใส่ลูก ตอนปลุกให้ตื่นตอนเช้า ตอนรอเวลากินข้าวให้เสร็จ ตอนออกจากบ้านไปโรงเรียน ตอนกลับบ้าน และตอนที่กำลังทำการบ้าน เหตุการณ์ธรรมดาที่มักจะเกิดขึ้น หยุดตะโกนใส่ลูก ไม่จำเป็นต้องตะโกน หรือทำอะไรที่รุนแรง

บางครั้งการที่ลูกไปโรงเรียนอาจจะยังได้รับความรู้ไม่เต็มที่ เพราะโรงเรียนจะสอนเพียงแค่ในตำราเรียน ซึ่งถึงแม้จะมีการเรียนการสอนนอกสถานที่หรือนอกตำราบ้างก็ตาม แต่บางเรื่องบางทักษะก็ถูกละเลยไป จึงจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกน้อยเอง จะมีทักษะเรื่องใดบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 1. การถามคำถาม สิ่งที่เราต้องการมอบให้เก็บเด็กๆ ในฐานะที่เราผ่านการเรียนรู้มาก่อน คือการที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองและสอนทุกอย่างให้กับตัวเอง เพราะพวกเขาสามารถทำได้ แล้วเราก็จะไม่ต้องสอนทุกๆอย่างให้พวกเขาอีกต่อไป ไม่ว่าพวกเขาจะอยากเรียนอะไรในอนาคต พวกเขาก็จะทำได้ด้วยตัวเอง ก้าวแรกแห่งการเรียนรู้ที่จะสอนตัวเองคือการเรียนรู้ที่จะถามคำถาม โชคดีที่เด็กๆมักจะทำสิ่งนี้โดยธรรมชาติ และสิ่งที่เราต้องทำก็คือให้กำลังใจพวกเขา วิธีที่ดีที่จะทำสิ่งนี้คือการเป็นต้นแบบให้กับพวกเขา เมื่อคุณและลูกๆของคุณพบกับอะไรใหม่ๆ จงถามคำถาม และค้นหาคำตอบที่เป็นไปได้กับลูกๆของคุณ หรือเมื่อไหร่ที่พวกเขาถามคำถาม จงให้รางวัลกับเขาแทนที่จะลงโทษพวกเขา 2. การแก้ปัญหา ถ้าเด็กๆสามารถแก้ปัญหาได้ พวกเขาก็สามารถทำงานอะไรก็ได้ งานใหม่ๆอาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเราทุกคน แต่มันก็เป็นแค่อีกปัญหาที่เราต้องแก้ ทักษะใหม่ๆ สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ความต้องการใหม่ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาธรรมดาๆที่เราต้องแก้ไข สอนให้เด็กๆเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาง่ายๆ แล้วปล่อยให้พวกเขาแก้ปัญหาเล็กๆด้วยตัวเอง อย่าแก้ปัญหาให้พวกเขา แต่ปล่อยให้พวกเขาจัดการกับปัญหาต่างๆด้วยวิธีที่หลากหลาย ในท้ายที่สุดเด็กๆจะพัฒนาความมั่นใจในความสามารถในการแก้ปัญหาของพวกเขา ถึงแม้จะไม่สามารถแก้ได้ก็ตามที 3. การรับมือกับหน้าที่ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ เราต้องพบเจอกับหน้าที่มากมายทั้งเล็กและใหญ่ ไม่ว่าจะในการทำงานหรือชีวิตส่วนตัว จงสร้างหน้าที่ให้กับเด็กๆ สอนให้พวกเขารู้ว่าเราต้องทำอย่างไรบ้างด้วยการปล่อยให้พวกเขาทำงานร่วมกับคุณ หลังจากนั้นจึงมอบหน้าที่ที่มากขึ้นให้กับพวกเขา เมื่อพวกเขามีความมั่นใจมากพอ ให้พวกเขาสร้างหน้าที่ให้กับตัวเอง ไม่นานนักการเรียนรู้ของเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ ที่พวกเขาตื่นเต้นที่จะทำ อ่านต่อ >> […]

เชื่อว่าหลังจากเปิดเทอมแรกๆมีเด็กหลายคนที่ไม่อยากไปโรงเรียน หรือบางคนก็ตื่นเต้นอยากไปแต่พอผ่านมาหลายวันก็เกิดไม่อยากไปโรงเรียนขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ซึ่งแต่ละคนล้วนมีเหตุผลของตัวเอง แต่ว่าวิธีการที่จะทำให้เด็กๆ เหล่านี้ยอมไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่นั้นล้วนต้องมีวิธีหลอกล่อที่แตกต่างกันออกไปทั้ง อย่าเช่น กรณีของเฟสบุ๊คคุณพ่อ Pongpure Purepure ได้เล่าประสบการณ์เมื่อลูกสาวร้องไม่อยากไปโรงเรียน แต่สุดท้ายก็กลับใจไม่งอแง จนชาวเน็ตต้องยกนิ้วให้ และทำให้ลูกน้อยรู้ว่าการเรียนสบายที่สุดแล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ เช้าวันหนึ่งลูกสาวกำลังจะแต่งตัวไปโรงเรียน แต่เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จ อยู่ดีๆ ลูกสาวก็เกิดอาการไม่อยากไปโรงเรียนขึ้นมา คุณพ่อจึงคิดหาวิธีเกี่ยวกับการทำให้ลูกอยากไปโรงเรียนว่า ถ้าหากลูกไม่อยากไปโรงเรียน ลูกก็ต้องทำงาน โดยคุณพ่อ Pongpure Purepure ให้ลูกนั้นกวาดบ้านทั้งวัน จากนั้นก็เพิ่มความเข้มข้นขึ้น จนสุดท้ายลูกเหนื่อยจากการทำงาน และยอมเปิดปากขอไปโรงเรียนในที่สุด ไม่งอแงอีกเลย . . . เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย นับว่าเป็นวิธีการฝึกสอนที่สุดยอดมากเลยใช่ไหมคะ คุณพ่อคุณแม่จะลองนำไปใช้ดูก็ได้นะคะ หรือใครมีวิธีการจัดการกับเหตุการณ์ เมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน ก็นำมาแชร์ในคอมเม้นท์เฟสบุ๊คกันได้นะคะ ขอบคุณภาพและเรื่องราวจาก facebook Pongpure Purepure