4. ฝึกให้ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองในการทำกิจวัตรประจำวัน ได้แก่ รับประทานอาหารด้วยช้อนส้อม ดื่มนมจากแก้วหรือนมกล่อง ใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำ เช่น สายชำระ เปิด- ปิดก๊อกน้ำ ถอดเสื้อกางเกง ติดกระดุม รูดซิป สวมถุงเท้า รองเท้า ค่อยๆ ฝึกทีละอย่างอย่ารีบร้อน ฝึกอย่างสม่ำเสมอลูกจะเกิดความชำนาญทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แนะนำว่าควรฝึกก่อนไปโรงเรียนสัก 1-2 เดือน และที่สำคัญชมเชย ให้กำลังใจลูกทุกครั้งที่ทำได้ รวมไปถึงการฝึกลูกเรื่องการสื่อสาร บอกความต้องการ บอกความรู้สึกนึกคิดของตน ให้คนอื่นเข้าใจ เช่น หนูหิว หนูอยากเข้าห้องน้ำ
5. บอกลูกให้รู้ตัวก่อน เช่น “พรุ่งนี้หนูจะไปโรงเรียนแล้วนะ จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ เล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนให้สนุกนะคะแล้วแม่จะรีบมารับ” หรือบอกลาก่อนถึงเวลาส่งลูกเข้าห้องเรียนอย่าเดินหนีไปเฉยๆ
6. คุณพ่อหรือคุณแม่ควรลาพักร้อนไว้ล่วงหน้าสัก 2 – 3 วัน สละเวลาให้ลูกในวันแรกๆ ของการไปโรงเรียน พาลูกไปทำความรู้จักคุณครู ถ้าที่โรงเรียนเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ส่งลูกที่ห้องเรียนได้ ก็รีบถือโอกาสนี้หาเพื่อนใหม่ให้ลูกเข้าไปทักทายเด็กคนอื่นในห้อง หรือชวนเพื่อนให้เล่นกับลูก เพื่อทำความรู้จักมักคุ้นกันไว้ก่อน พอถึงเวลาเลิกเรียนก็รีบไปรับ อย่าให้ลูกคอยนานจนรู้สึกกังวลใจเหมือนถูกทอดทิ้ง เพราะเห็นเพื่อนๆ ได้กลับบ้านไปกับพ่อแม่ทีละคน (เมื่อลูกปรับตัวได้ค่อยเลื่อนเวลาให้ลูกอยู่โรงเรียนนานขึ้น)
7. สิ่งที่เด็กคุ้นเคย เช่น ผ้าเหม็น หรือหมอนเน่า ควรเตรียมไปให้ในยามคับขัน บางทีสิ่งเหล่านี้เป็นตัวแทนพ่อแม่ได้ดีในยามที่ลูกรู้สึกเหงา คุณพ่อคุณแม่ควรบอกคุณครูเพื่อจะได้อนุโลมให้ในช่วงแรกๆ
8. กำลังใจจากพ่อแม่ และคนในครอบครัว จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและความมั่นใจให้ลูกได้ ช่วงนี้ต้องให้เวลาใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งคนในบ้านต้องอดทน ถ้าลูกงอแงอย่าโกรธ หรือลงโทษลูกรุนแรงเพราะจะทำให้มีทัศนคติไม่ดีต่อโรงเรียน หรือไม่ใจอ่อน สงสารลูกที่ร้องไห้ถึงกับให้หยุดเรียนเป็นอันขาดเพราะในวันต่อไปลูกจะใช้วิธีนี้ต่อรองกับพ่อแม่อีก
ที่สำคัญสิ่งสุดท้ายคือ คุณพ่อคุณแม่พยายามหาวิธีสื่อสารกับคุณครูประจำชั้นที่ไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป จะด้วยการพูดคุย ใช้สมุดบันทึกโต้ตอบระหว่างบ้านกับโรงเรียน หรือจดหมายน้อย เพื่อจะได้ทราบถึงพฤติกรรมของลูกในช่วงปรับตัวและร่วมมือกับครูในการช่วยเหลือลูกให้ปรับตัวได้เร็วขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : child.haijai.com
♥ บทความแนะนำคุณแม่ควรอ่าน!!!
ทั้งนี้ในเรื่องของการเตรียมซื้ออุปกรณ์การเรียน เป็นที่เข้าใจได้ว่า เรื่องอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่สุดในการเตรียมตัวไปเรียนวันแรก คือ เตรียมพร้อมให้มั่นใจว่า มีอุปกรณ์ทุกอย่างที่จำเป็น ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสายการเรียน โดยสมัยนี้แต่ละโรงเรียนจำนวนมากจะมีเว็บเพจ ซึ่งให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะปริ้นออกมาและนำไปเลือกซื้อที่ร้านอุปกรณ์การเรียน ของบางอย่างจำเป็นต้องใช้ในทุกชั้นเรียน ดังนั้น คุณอาจจะซื้อเก็บไว้เป็นโหลๆ เลยก็ได้ รวมถึงสิ่งต่อไปนี้ที่จำเป็นต่อการเปิดเรียนวันแรกด้วย โดยหลักๆ มีของใช้และอุปกรณ์การเรียนของลูกน้อยวัยอนุบาล ดังนี้
♥ เสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า รองเท้านักเรียน ร้องเท้าพละ ร้องเท้าแตะ ถุงเท้านักเรียน
♥ ชุดสำรอง (เสื้อผ้า ชุดชั้นใน กางเกงใน)
♥ เสื้อพละ ชุดว่ายน้ำ เสื้อคลุมว่ายน้ำ และผ้าเช็ดตัว (บางโรงเรียนมีคลาสสอนว่ายน้ำ)
♥ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม (บางโรงเรียนมีให้)
♥ กระติกใส่น้ำ แก้วน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หวี
♥ นมปกติแล้วเกือบทุกโรงเรียนจะมีนมโรงเรียนเตรียมไว้ให้นักเรียนอยู่แล้ว แต่หากลูกมีอาการแพ้นมวัว หรือไม่ชอบกินนมรสจืด รวมไปถึงขวดนม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป (สำหรับเด็กที่ยังไม่เลิก)
♥ กระเป๋าสะพายที่มีสายสะพายนุ่มสบาย หรือแบบที่มีล้อลาก
♥ แฟ้มสำหรับใส่ผลงาน
♥ ชุดเครื่องเขียนสี ดินสอดำ (เหลาสีและดินสอไปให้เรียบร้อย) ยางลบ และไม้บรรทัด
♥ สมุดเย็บเล่ม สำหรับแต่ละวิชา
♥ เจลล้างมือขวดเล็กๆ
นอกจากการเตรียมของใช้ให้เด็กนักเรียนใหม่ก่อนเปิดเทอมแล้ว ควรเขียนชื่อลูกลงบนของใช้ที่จำเป็น เช่น กระเป๋า กระติกน้ำ ที่นอน รองเท้า เพราะของแต่ละอย่างอาจจะเหมือนกันจนเด็กจำไม่ได้ และที่สำคัญสุด ๆ หากลูกเป็นเด็กที่มีอาการแพ้ เช่น แพ้นม แพ้อาหาร แพ้แป้ง ฯลฯ ควรที่จะแจ้งคุณครูประจำชั้นให้ทราบ หรือจดใส่กระดาษบอกคุณครูให้ชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของลูกรักนะคะ
ชมคลิป >> การเตรียมของใช้เด็ก ไปโรงเรียนอนุบาล
แล ไอเดียการเขียนชื่อบนของใช้ไปโรงเรียนให้ลูก ทนทาน ง่าย สวยไม่เหมือนใคร
คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่