ศิลปะมีส่วนช่วยทำให้ลูกเป็น “เด็กอัจฉริยะ” ได้จริงหรือ?
ดร.สายฤดี วรกิจโภคาทร ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ถ้านักเรียน มีวิธีการคิดเลข เช่น 2 + 2 คำตอบมันก็มีเพียงคำตอบเดียวคือ เท่ากับ 4 สมองมันคิดเป็นขั้นตอนเพียงหนเดียว จะคิดพลิกแพลงเป็นเลขตัวอื่นไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นคำตอบที่ผิด แต่ถ้าให้ลูกวาดรูปดอกไม้ดอกหนึ่ง สมองมันจะต้องใช้กระบวนการคิดทบไปทบมาหลายครั้ง เช่น วาดรูปดอกไม้ ต้องคิดตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะต้องวาดดอกไม้อะไร มีกลีบดอกเยอะไหม ต้องวาดทีละกลีบ กลีบดอกจะซ้อนหรือว่าแบนมีชั้นเดียว และต้องระบายสีอีก จะใช้สีอะไร ใส่ใบไม้ลักษณะแบบไหน กี่ใบ ฉะนั้นการทำงานผ่านศิลปะ ความคิดของเด็กจึงต้องทำงานเป็นขั้นจาก 1-2-3-4-5….ไปเรื่อย ๆ ขณะที่การคิดเลขมันแค่ 2 + 2 = 4 คิดกี่ครั้งๆ ก็ได้ 4 เท่ากับเป็นการคิดครั้งเดียวจบ
ฉะนั้นกระบวนการทำงานศิลปะ เช่น การวาดภาพมีผลต่อการพัฒนาสมองและจินตนาการ ฝึกสมองให้คิดทบหลายครั้ง ทำให้สมองคิดตลอดเวลา และแต่ละครั้งก็คือ การแก้ปัญหา เปรียบเทียบ คิดออก เลือกทำ สมองจึงทำงานอยู่เรื่อย ๆ หากลูกได้รับการฝึกฝนบ่อยครั้ง สมองของลูกก็เหมือนได้ลับความคม จากมีดทื่อ ๆ จนคมได้ในที่สุด
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ดนตรีและศิลปะสามารถสร้างความฉลาดให้กับลูกได้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรกันว่าลูกของเราจะสนใจและชอบในศิลปะจริง ๆ