4 ค่านิยมร้ายที่ทำลายชีวิตลูก
- ค่านิยม “ลูกต้องมีอนาคตที่ไกลและสดใสกว่าพ่อแม่” ทำให้พ่อแม่มุ่งแต่ผลักดันให้ลูกเป็นคนเก่งและฉลาดกว่าตน และมุ่งเน้นแต่ด้านวิชาการจนลืมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และทักษะทางด้านต่าง ๆ ส่งผลให้ลูกมีปัญหาในการใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้อื่นเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น
- ค่านิยม “ลูกเป็นหน้าตาของพ่อแม่” สมัยนี้จะพบว่า หลาย ๆ ครอบครัวยึดความสำเร็จของลูกเป็นความภาคภูมิใจและเป็นหน้าเป็นตาในสังคม ด้วยเพราะอยากให้ลูกสำเร็จสมดังใจตน จึงขีดเส้นทางชีวิตให้กับลูกเดิน จนลืมความต้องการที่แท้จริงของลูกไป ส่งผลให้ลูกไม่มีความมั่นใจในตัวเอง หวาดระแวง และมีความคิด เมื่อโตขึ้นจึงมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะออกนอกลู่นอกทางถ้ามีโอกาส
- ค่านิยม “ลูกฉันเก่งไร้เทียมทาน” ซึ่งค่านิยมที่ว่านี้เกิดจาก การที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะมีลูกคนเดียว จึงรักและให้ความสำคัญกับลูกคนนี้มาก และบางครอบครัวก็จะปลูกฝังให้ลูกของตนนั้นเป็นคนเก่งกว่าทุก ๆ คน และเก่งอยู่คนเดียว ชื่นชมทุกอย่างที่ลูกทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ทำให้เด็กกลุ่มนี้เมื่อโตขึ้นจะขาดความรับผิดชอบ ไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิด และชอบโทษคนอื่น
- ค่านิยม “วัตถุทดแทนเวลาที่หายไป” คุณพ่อคุณแม่สมัยนี้ทำงานหนัก จนบางครั้งไม่มีเวลาให้กับลูกเลย จึงตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยวัตถุแทน ทำให้ขาดความใกล้ชิด และปล่อยปละละเลยลูกไป ส่งผลให้ลูกเป็นคนว้าเหว่ ขาดความอบอุ่น เมื่อลูกโตขึ้น ลูกก็จะแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพื่อเรียกร้องความสนใจกับคุณพ่อคุณแม่ได้
เห็นได้ว่า 4 ค่านิยมที่กล่าวมานั้น กำลังเกิดขึ้นกันเป็นอย่างมากในสังคมไทยของเราเอง เด็กสมัยนี้มีความก้าวร้าวมากขึ้น อ่อนน้อมถ่อมตนน้อยลง เรียกได้ว่าหันไปทางไหนก็มีแต่เด็กเก่ง แต่จะมีเด็กสักกี่คนกันที่คิดเป็น เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งที่จะทำให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น ไม่ใช่เพราะความเก่งเลย หากแต่เป็นคนที่คิดเป็นและมีระเบียบวินัยต่างหาก ดังนั้น หากเราทราบอย่างนี้แล้วอย่ารอช้า รีบมาช่วยกันแก้ไขให้ลูกหลานของเราทุกคน กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีประสิทธิภาพในวันข้างหน้ากันเถอะค่ะ
เครดิต: Line Today และ MGR Online
อ่านต่อเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
- 4 พฤติกรรมพ่อแม่ ที่เข้าข่าย รักลูกจนเป็นพิษ
- สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ 15 สิ่ง เพื่อให้ลูกรู้ว่า “พ่อแม่รักลูก”
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่