อ่านแบบโฟนิกส์ แล้วได้อะไร?
ปัญหาส่วนใหญ่ของเด็กไทยที่พบนั้น นอกจากจะไม่มั่นใจในตัวเองแล้ว ยังรู้สึกอายและไม่กล้าแสดงออกเวลาเจอกับคนแปลกหน้าโดยเฉพาะชาวต่างชาติ อย่าว่าแต่เด็กเลยค่ะ แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราเองก็เช่นกัน รู้สึกกลัวและเกร็งว่า เวลาออกเสียงไปจะถูกต้องไหม เขาจะฟังเรารู้เรื่องหรือเปล่า จึงทำให้เกิดเป็นการอ่านภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทยขึ้น
พอเรามีลูก เราก็อยากที่จะให้ลูกเก่ง และสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ ดังนั้น “โฟนิกส์” จึงกลายมามีบทบาทสำคัญกับสื่อการเรียนการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ๆ เพราะการ อ่านแบบโฟนิกส์ ที่ว่านี้นั้น จะช่วยให้เด็ก ๆ ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ทำให้พวกเขาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติได้ชัดเจน และสามารถอ่านเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จริงอยู่ที่การเรียนแบบโฟนิกส์นั้นดูช้าและยุ่งยากกว่าการเรียนแบบท่องจำ เพราะเด็ก ๆ จะต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจของที่มาของเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปหายาก และจะต้องฝึกซ้ำ ๆ เพื่อจะได้ท่องจำได้
ควรเริ่มเรียนเมื่อไหร่?
จริง ๆ แล้วเด็กเล็ก ๆ ที่ต่ำกว่าสามขวบนั้น ยังไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษก็ได้ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ควรสอนนะคะ แต่ควรเป็นการเน้นการใช้ศัพท์หรือประโยคง่าย ๆ ที่ใช้กันในชีวิตประจำวันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
- Hello / Hi
- How are you?
- Come Here!
- What are you doing? เป็นต้น
แต่พอลูกเริ่มโตขึ้นมาเข้าสู่อนุบาล 2 และอนุบาล 3 การเรียนอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์นั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทแล้วละค่ะ โดยคุณครูส่วนใหญ่จะสอนการออกเสียงนั้นผ่านเสียงเพลง เพื่อที่เด็กจะได้รู้สึกสนุก ไม่เบื่อและไม่คิดว่าพวกเขากำลังเรียนหนังสืออยู่ และในวันนี้ เราก็มีตัวอย่างเพลงมาฝากคุณพ่อคุณแม่ไว้เปิดให้ลูกฟังกันด้วยนะคะ
ฟังเพลงตัวอย่าง การออกเสียงแบบโฟนิกส์ได้ที่หน้าถัดไป
เครดิต: Alphaschoolofenglish