ไล่ไปเถอะครับ จนถึงภาคเย็นเมื่อกลับเข้าบ้าน เขาได้รับโอกาสและการฝึกให้ทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นๆ หรือเป็นลำดับๆ บ้าง หากคุณแม่ว่าทำแล้ว ผมจะตอบว่า “ไม่พอ”
ย่อหน้าข้างต้นเขียนยาวเพื่อให้เห็นภาพ นี่ยังไม่เขียนเรื่อง “งานบ้าน” อีกทั้งกระบุงที่เราควรเปิดโอกาสหรือฝึกเขาทำทุกชนิดที่เขาช่วยได้ ปัดกวาดเช็ดถู ทิ้งขยะ เอาถังขยะไปทิ้ง ขัดล้างห้องน้ำ ซักผ้า ตากผ้าชิ้นเล็ก ผมเขียนไปจนครบหน้ากระดาษได้ไม่ยาก หากคุณแม่ว่าทำแล้ว ผมจะตอบว่า “ไม่พอ”
คำว่าฝึกพอแล้วหรือฝึกไม่พอขึ้นกับเด็กแต่ละคนครับ บางคนฝึกไม่มากก็รู้เรื่องทำเป็น บางคนต้องฝึกมากกว่ามากจึงจะรู้เรื่อง ถามว่ารู้อะไร คำตอบมิใช่ว่ารู้วิธีถูบ้าน อย่าหลงประเด็น คำตอบคือรู้ว่า “เกิดเป็นคนต้องทำอะไรบางอย่างให้เสร็จในเวลาที่กำหนดให้”
สรุปว่าหากคุณแม่อยากแก้ปัญหาเรื่องทำการบ้าน ให้ไปฝึกทักษะการใช้ชีวิตใหม่หมด หากทำได้เขาจะดีไปหมดทุกเรื่อง หากไม่ทำ จบเรื่องการบ้านก็รับประกันว่าจะมีเรื่องใหม่มาให้ท่านปวดกะ.. ขออภัย ปวดศีรษะอีก
คราวนี้เรื่องการบ้าน ก่อนอื่นขอให้เข้าใจลูกก่อนว่าการบ้านจากโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นการบ้านที่ไม่เข้าท่า ไม่ค่อยมีประโยชน์ และทำเสร็จไปก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้ลูกเราฉลาดหรือเป็นนักเรียนรู้ที่ดีกี่มากน้อย ไปเล่นยังมีประโยชน์กว่าเยอะ อย่างไรก็ตามเรามีหน้าที่สอนให้เขาทำตามกติกาสังคม
เมื่อเข้าใจสถานการณ์น่าอึดอัดและโคต..ขออภัย แสนจะไม่สนุกแล้ว เราจะได้เห็นใจเขามากขึ้น ไม่ต้องดุแต่ต้องนั่งคุมเขาทำให้เสร็จ เป็นเรื่องจำเป็นที่คุณแม่ต้องเสียสละเวลาส่วนตัวมานั่งใกล้ๆ คุ้มกฎและให้กำลังใจ ไม่เสร็จไม่ให้ลุก เสร็จเมื่อไรก็หอมแก้มสักฟอดแล้วไปได้
บทความโดย: นพ. ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์ แผนกจิตเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
ภาพ: Shutterstock