พร้อมไหม ให้ลูกนอนคนเดียว ฝึกลูกนอนเองได้ ตอนไหนดี - Amarin Baby & Kids
ให้ลูกนอนคนเดียว

พร้อมไหม ให้ลูกนอนคนเดียว ฝึกลูกให้นอนเองได้ ตอนไหนดี

Alternative Textaccount_circle
event
ให้ลูกนอนคนเดียว
ให้ลูกนอนคนเดียว

ให้ลูกนอนคนเดียว – แน่นอนว่าการฝึกให้เด็กวัยเตาะแตะเข้านอนคนเดียว เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อาจต้องใช้ความพยายามพอสมควร หากลูกวัยเตาะแตะ ปฏิเสธที่จะนอนคนเดียวและคุณพ่อคุณแม่ไม่พยายามที่จะพัฒนานิสัยของการทำให้ลูกนอนคนเดียวได้ตั้งแต่อายุน้อย ในอนาคตคุณพ่อคุณแม่อาจต้องเตรียมรับมือกับความดื้อรั้นเมื่อเขาโตขึ้น

พร้อมไหม ให้ลูกนอนคนเดียว ฝึกลูกให้นอนเองได้ ตอนไหนดี

เด็กแต่ละคนเติบโตมาต่างกัน บางคนอาจขอเพียงผ้าห่ม หมอนหรือของเล่นชิ้นโปรดเพื่อกอดไว้และนอนหลับ ในขณะที่เด็กบางคนจำเป็นต้องมีแม่ นอนใกล้ๆ เป็นเพื่อนและกล่อมเสมอจนหลับไป ช่วงแรก ๆ มันอาจเป็นปัญหาสำหรับลูกของคุณเมื่อเขาโตขึ้น เขาอาจนอนคนเดียวหรือนอนเองไม่ได้ อาจงอแงแบบไร้เหตุผลในสถานการณ์ที่คุณไม่อยู่บ้าน หรือไปธุระ ดังนั้นการสอนให้ลูกนอนคนเดียวจึงมีความสำคัญที่ควรฝึกลูกไว้ตั้งแต่ยังเล็ก

ทำไมควรฝึกให้ลูกนอนคนเดียว?

เด็กเล็กๆ จะผูกพันกับพ่อแม่มากเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงอาจไม่ผิดที่เขาจะอยากนอนข้างๆ คุณ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาจะต้องนอนคนเดียวหรือนอนเองได้ในสักวัน นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุบางประการที่เราควรฝึกให้ลูกได้นอนคนเดียวได้ อาทิ

  • ตั้งแต่วัยเด็กพ่อแม่มักจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ถ้าเขาตื่นขึ้นมากลางดึกในเปลของเขา การกอดเขาและกอดเขามีแนวโน้มที่จะทำให้เขาหลับไปอีกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถทำได้เมื่อลูกของคุณโตขึ้น ดังนั้นเขาต้องเรียนรู้ที่จะสงบสติอารมณ์ด้วยตัวเองและไม่ต้องพึ่งพาคุณ
  • หากพ่อแม่อยู่ใกล้ ๆ ลูกตลอดเวลารวมถึงตอนที่เขาหลับ อาจทำให้ลูกคิดว่า พ่อแม่ต้องอยู่กับเขาตลอด ไม่มีงานการ หรือเรื่องส่วนตัวอะไรที่ต้องทำ ซึ่งจะทำให้คุณจำเป็นต้องอยู่ใกล้ลูกเสมอ จนไม่ได้ไปทำธุระส่วนตัวใดๆ เลย ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้
  • ลูกจะเกิดความนับถือตนเองและคุณค่าในตนเอง เกิดจากความรู้สึกเป็นอิสระและมั่นใจในตนเอง การเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง
  • เมื่อเด็กโตขึ้นจะมีบางครั้งที่เขาต้องอยู่คนเดียวในการไปโรงเรียนการนอนค้างและอื่น ๆ เรื่องนี้จึงจำเป็นสำหรับพัฒนาการรอบด้านของลูกและการพึ่งพาพ่อแม่อาจเป็นอุปสรรค
  • พ่อแม่อาจต้องการนอนกับลูก ๆ หลังจากที่ไม่อยู่กับพวกเขามาทั้งวัน ยังไงก็แล้วแต่ เมื่อถึงวัยหนึ่งที่ลูกควรนอนด้วยตัวเองได้แล้ว ทางที่ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่ควรใช้เวลาร่วมกับลูกๆ ในมื้อค่ำและทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกันได้ แต่ในตอนค่ำควรให้การนอนเป็นกิจกรรมส่วนบุคคล
  • การกลัวสัตว์ประหลาดในจินตนาการ หรือกลัวความมืด เป็นปัญหาทั่วไป ที่ทำให้เด็ก ๆ วัยเตาะแตะ อยากนอนข้างๆพ่อแม่เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาปลอดภัย แม้ว่าเด็ก ๆ จะเอาชนะความกลัวเหล่านี้ได้ตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ผิดที่คุณพ่อคุณแม่จะช่วยให้พวกเขาละทิ้งความกลัวเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ให้ลูกนอนคนเดียว
ให้ลูกนอนคนเดียว

ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตอนอายุเท่าไหร่?

สิ่งสำคัญคือต้องสอนให้เด็กนอนคนเดียวในวัยที่เหมาะสม หากคุณเริ่มเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดความวิตกกังวลในการแยกตัวหรือความรู้สึกถอดใจในตัวเด็ก ทำไม่สำเร็จแล้วยกเลิกไป ซึ่งในภายหลังหากเริ่มฝึกใหม่จะทำให้ลูกเริ่มใหม่ได้ยากขึ้น ดังนั้นการฝึกลูกในเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่จำเป็น เมื่อลูกของคุณอายุประมาณ 2 ถึง 3 ขวบ เป็นเวลาที่ดีที่จะพยายามทำให้เขานอนหลับด้วยตัวเอง อาจต้องใช้เวลาตั้งแต่สองสามเดือนถึงหนึ่งปี ก่อนที่เขาจะสามารถหลับได้ด้วยตัวเองได้ในทุกวัน

คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการฝึกลูกให้นอนคนเดียว

เคล็ดลับบางประการ ที่สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำให้ลูกของคุณเริ่มนอนหลับได้ด้วยตัวเอง โดยค่อยๆพัฒนาจนเป็นนิสัยไปตลอดชีวิต

1. อย่ารีบจนเกินไป
อย่ารีบฝึกให้ลูกของคุณนอนคนเดียวในทันที ให้ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป กำหนดวันในการฝึกให้ลูกลองนอนเองสักหนึ่งหรือสองวันในสัปดาห์ เฝ้าดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อเขามีนิสัยชอบนอนคนเดียว คุณก็สามารถเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกได้ในที่สุด ในไม่ช้าเขาจะชอบความคิดที่จะเข้านอนด้วยตัวเองและจะชอบนอนคนเดียวเองได้

2. ทำให้เป็นกิจวัตร
เด็ก ๆ มักประสบปัญหาขณะหลับแต่เมื่อหลับไปก็อาจไม่มีอะไรต้องกังวล การมีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ อาจทำให้พวกเขาหลับได้เร็วกว่า  เพราะฉะนั้นพยายามทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ให้ลูกทำจนเคยชินก่อนที่เขาจะนอนหลับ โดยอาจเริ่มจากการแปรงฟัน เปลี่ยนชุดนอน หรี่ไฟ สวดมนต์ อ่านนิทาน เป็นต้น และในไม่ช้าเขาก็จะติดนิสัยนี้และนอนคนเดียวได้

3. แสดงตนเมื่อลูกต้องการ
หากบุตรหลานของคุณติดกับคุณมากเกินไปอย่าเพิกเฉยต่อเขา เด็กบางคนมักถูกกระตุ้นให้รู้สึกปลอดภัยเมื่อพวกเขารู้สึกตัวพ่อแม่ไม่ว่าจะด้วยเสียงของพวกเขาหรือแม้กระทั่งโดยเสื้อหรือผ้าห่ม คุณอาจลองทำเช่นนั้นโดยการแลกเปลี่ยนผ้าห่มหรือหมอนหรือให้เสื้อกันหนาวตัวเก่าแก่ลูกของคุณถือในขณะที่เขานอนหลับ

4. จงหนักแน่นเข้าไว้
เมื่อคุณรู้สึกว่าในที่สุดลูกของคุณกำลังเรียนรู้ที่จะนอนคนเดียวจนถึงขั้นที่จะแยกห้องนอนกับพ่อแม่ได้ การที่ลูกร้องไห้อ้อนวอนขอนอนด้วยเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ให้คุณพูดให้กำลังใจลูกด้วยความอ่อนโยน เช่น ลูกโตแล้ว ลูกทำได้ พ่อแม่เชื่อมั่นในตัวลูกนะ และพาลูกเดินกลับไปที่ห้องของเขา ที่สำคัญ หากต้องการฝึกให้ได้ผล อย่าพยายามใจอ่อนนอนในห้องลูก หากจำเป็น ให้ยืนอยู่ข้างประตูห้องสักครู่จนกว่าลูกจะหลับไป

5. ชื่นชมและให้รางวัล
เมื่อลูกของคุณนอนหลับได้สำเร็จในตอนกลางคืนด้วยตัวเอง จงบอกให้เขารู้ว่าคุณภูมิใจในตัวเขา อาจให้ขนมหรืออาหารเช้าอร่อยๆ แก่ลูก สิ่งนี้สามารถสร้างแรงจูงใจให้ลูกทำสิ่งที่ยากจนเป็นนิสัยได้ คุณยังสามารถบอกเขาได้ว่าเขากล้าหาญและเขาจะนอนคนเดียวอีกครั้งโดยรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง

ให้ลูกนอนคนเดียว

6. เก็บสิ่งรบกวนออกไป
การมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจทำให้การนอนหลับเป็นเรื่องยากกว่าที่เป็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้กำหนดเวลาในการเล่นเกมบนโทรศัพท์หรือดูโทรทัศน์ นอกจากนี้อย่าเก็บแกดเจ็ตหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ไว้ในห้องนอนของลูกโดยเด็ดขาด หากต้องการสร้างลักษณะนิสัยที่ดีในการนอนให้ลูกๆ

7. อย่าให้การนอนหลับเป็นการลงโทษลูก
พ่อแม่บางคนอาจใช้การนอนหลับเป็นวิธีลงโทษเมื่อลูกทำอะไรผิดกฎระเบียบต่างๆ จำไว่ว่ส สิ่งนี้อาจทำให้ลูกของคุณเกิดความรู้สึกในแง่ลบต่อแนวคิดเรื่องการนอน และอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ ตามมาในอนาคตได้ เช่น ลูกอาจกลายเป็นคนที่นอนหลับได้ยาก

8. นอนแยกมุมในห้องเดียวกัน
หากยากเกินไปในตอนเริ่มต้น คุณสามารถเลือกที่จะนอนบนพื้น หรือบนที่นอนแยกต่างหาก แทนที่จะใช้เตียงเดียวกัน การแยกทางกายภาพนั้นสามารถทำลายอุปสรรคแรก และทำให้สิ่งต่างๆ ในขั้นต่อไปง่ายขึ้นได้ในภายหลังค่ะ

เมื่อคุณรู้วิธีทำให้ลูกของคุณนอนหลับบนเตียงของตัวเองได้ต่อไปก็จะไม่มีอะไรที่ยาก การนอนคนเดียวไม่เพียง แต่ทำให้ลูกมีความมั่นใจ แต่ยังช่วยให้เขาเข้มแข็งและมีความเป็นอิสระในอนาคตด้วย ดังนั้นจงพัฒนานิสัยนี้ให้ลูกในช่วงเวลาที่เหมาะสมค่ะ ซึ่ง การปลูกฝังให้ลูกได้รู้จักการพึ่งพาตัวเองได้ จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเกิดทักษะด้าน ความฉลาดต่อการเผชิญกับปัญหา(AQ) ลูกจะมีแนวโน้มเป็นเด็กที่มุ่งมัน พยายามเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยการทำให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างไม่ท้อแท้ หรือหยุดยั้งกลางทาง แม้จะเหนื่อยยากแค่ไหนก็จะไม่ล้มเลิกจนกว่าจะพบกับความสำเร็จ ซึ่งเป็นทักษะจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้ในอนาคตค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : parenting.firstcry.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดเทคนิค เลี้ยงลูกแบบสวีเดน ฝึกลูกให้อยู่เป็นในสังคม

ฝึกลูก รับมือความสูญเสีย เมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักจากไป

สัญญาณเตือน! ลูกนอนไม่พอ พ่อแม่ต้องรู้ ก่อนสายเกินแก้

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up