ข่าวที่ทีมงานนำมาเสนอวันนี้นั้น เป็นข่าวจาก กรมสุขภาพจิต โดยนายแพทย์บุญเรื่อง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยว่า “เด็กไทยนั้นติดอันดับชอบรังแกกันเอง มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จนติดเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น”
ทั้งนี้ จากผลสำรวจในโครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัด พบมีเด็กถูกรังแกในสถานศึกษาปีละประมาณ 600,000 คน ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในอันดับ 2 ของโลก มีสัดส่วนนักเรียนถูกเพื่อนรังแกสูงถึงร้อยละ 40 รองจากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ในปี 2553 การสำรวจนักเรียนนักศึกษาในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ พบว่าร้อยละ 33 เคยรังแกผู้อื่นทางออนไลน์ ร้อยละ 43 บอกเคยถูกคนอื่นรังแก
โดยนายแพทย์บุญเรือง ได้กล่าวถึงสภาพจิตใจของเด็กที่ถูกรังแก และเด็กที่เป็นฝ่ายรังแกว่า “การรังแกกันเป็นจุดเริ่มต้นการถูกปลูกฝังเรื่องความรุนแรงทั้ง 2 ฝ่าย มีผลในระยะยาวฝ่ายที่ถูกรังแก มักเครียด ซึมเศร้า มีปัญหาการเข้าสังคมจนโต หากถูกกดดันรุนแรงหรือเรื้อรัง จะนำไปสู่การทำร้ายคนอื่นเพื่อแก้แค้น หรือทำร้ายตนเอง รุนแรงถึงฆ่าตัวตาย ส่วนคนที่รังแกคนอื่นจะนิสัยเคยชิน จะมีปัญหาบุคลิกภาพแบบใช้ความก้าวร้าว ความรุนแรงต่อผู้อื่น ความรู้สึกผิดน้อย ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เป็นอันธพาล อาชญากรได้ สังคมจึงต้องช่วยกันใส่ใจ เร่งสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทั้งที่บ้านและโรงเรียน เพื่อลดการสูญเสียคุณภาพประชากรในสังคมที่เกิดจากผลกระทบปัญหานี้ในระยะยาว”
ด้าน แพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “เด็กกลุ่มเสี่ยงถูกรังแกมากที่สุดคือ เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า เด็กพิการ และเด็กเพศทางเลือก เนื่องจากมีรายงานการถูกรังแกมากที่สุด ส่วนเด็กที่รังแกผู้อื่น พบว่าเป็นเด็กกลุ่มที่ครอบครัวมีการใช้ความรุนแรง หรือเด็กที่ป่วยโรคทางจิตเวช อาทิ สมาธิสั้น เป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข”
พร้อมกับกล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้สถาบันฯ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาโปรแกรมป้องกันการรังแกกันในโรงเรียนที่สอดคล้องกับบริบทโรงเรียนไทย เน้นที่กลุ่มเด็กชั้นประถมศึกษา อายุ 6-13 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยของการเรียนรู้เรื่องเพื่อน การพัฒนาบุคลิกภาพ พัฒนาการด้านศีลธรรมและการอยู่ในสังคมที่สำคัญ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ พร้อมใช้ทั่วประเทศในปีการศึกษาหน้านี้
อ่านต่อ>> 3 วิธีแก้ไข เมื่อลูกโดนเพื่อนแกล้ง
เครดิตภาพและเนื้อหาข่าว: มติชน