ไส้ติ่งอักเสบ ตอนท้อง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม! - Amarin Baby & Kids
ไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งอักเสบ ตอนท้อง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม!

Alternative Textaccount_circle
event
ไส้ติ่งอักเสบ
ไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งอักเสบ – ไส้ติ่งอักเสบหรือการติดเชื้อของไส้ติ่งในระหว่างตั้งครรภ์เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ต้องทำการผ่าตัดฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของไส้ติ่งอักเสบในระหว่างตั้งครรภ์คือการวินิจฉัยที่ล่าช้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบจึงค่อนข้างลำบาก ซึ่งการตรวจพบและรักษาในไตรมาสที่หนึ่งและสองอาจทำได้ง่ายกว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ คือ ยิ่งรอช้านานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์มากขึ้น โดยเฉพาะหากไส้ติ่งแตกอัตราการสูญเสียของทารกในครรภ์อาจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์

ไส้ติ่งอักเสบ ตอนท้อง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม!

สาเหตุของไส้ติ่งอักเสบ ระหว่างตั้งครรภ์

สาเหตุของการเกิดไส้ติ่งอักเสบในหญิงตั้งครรภ์นั้นไม่ต่างจากคนทั่วไป ซึ่งการอุดตันในไส้ติ่งสามารถนำไปสู่โรคการอักเสบและการติดเชื้อที่ไส้ติ่งได้ การอุดตันอาจเป็นผลมาจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย จากเศษอาหารหรือเมล็ดผักผลไม้ที่ไม่ย่อย ปรสิต หรืออุจจาระ เป็นต้น เมื่อเกิดการอุดตัน เชื้อแบคทีเรียจะสามารถเพิ่มจำนวนทวีคูณได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไส้ติ่งเกิดการระคายเคืองและบวมในที่สุดและนำไปสู่ไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งอักเสบเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของการผ่าตัดฉุกเฉินที่ไม่ใช้การผ่าตัดทางนรีเวชและไม่ใช่ทางสูติกรรม บางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะยืนยันโรคในผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของผู้ป่วยที่อาจทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ลำบาก เช่น ยิ่งอายุครรภ์มากไส้ติ่งอาจถูกเบียดจนลอยสูงไปอยู่บริเวณใต้ชายโครงก็เป็นได้ อย่างไรกก็ตามอาการที่สำคัญที่พบได้ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการไส้ติ่งอักเสบ ได้แก่ อาเจียน อาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ มีไข้ และปวดที่ด้านขวาล่าง ไส้ติ่งอาจเลื่อนขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์และผู้ป่วยอาจมีอาการปวดในด้านขวาบนหรือด้านขวาของช่องท้อง

อาการปวดท้องเป็นเรื่องปกติในการตั้งครรภ์ มักเกิดจากการขยายของมดลูกและการยืดเส้นเอ็น อย่างไรก็ตาม อาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ตามปกติ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน ทำให้ไส้ติ่งอักเสบนั้นวินิจฉัยได้ยาก เมื่อมดลูกโตขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ลำไส้จะเคลื่อนตัวและไส้ติ่งจะเคลื่อนตัว  อาการปวดอาจแผ่ไปที่ด้านขวาบนของช่องท้อง และตำแหน่งของไส้ติ่งอาจเปลี่ยนไป เมื่อเทียบกับผู้ป่วยทั่วไปที่มีอาการปวดบริเวณช่องท้องด้านขวาล่าง การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบในสตรีมีครรภ์อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ นอกจากปวดท้องแล้ว อาการอื่นๆ อาจรวมถึงคลื่นไส้ เบื่ออาหาร ท้องอืด และปวดท้อง ต้องทำการวินิจฉัยแยกโรคเพื่อระบุเงื่อนไขที่เป็นไปได้อื่นๆ หากไส้ติ่งติดเชื้อผู้ป่วยอาจมีไข้และหนาวสั่น หากไม่ได้รับการรักษา ไส้ติ่งอักเสบจะแตกในที่สุดจนเชื้อกระจายในช่องท้องทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งถ้าไม่ผ่าตัดรักษา จนไส้ติ่งแตกก็อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เป็นเหตุให้เสียชีวิตทั้งแม่และทารกในครรภ์ได้  ดังนั้นหากสงสัยว่าตัวเองมีอาการของไส้ติ่งอักเสบในระหว่างตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

อาการที่พบได้บ่อยของ ไส้ติ่งอักเสบ ขณะตั้งครรภ์

  • เริ่มจากปวดท้องบริเวณสะดือแล้วย้ายมาปวดท้องน้อยด้านขวา
  • ปวดท้องตื้อๆ เป็นๆหายๆ แต่ปวดตลอดเวลาและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
  • ปวดท้องมากขึ้นเมื่อไอ หรือขยับตัว
  • มีไข้ต่ำๆ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • เบื่ออาหาร
  • ท้องผูก
  • มวนท้องและถ่ายกะปริดกะปรอย
  • ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด
ไส้ติ่งอักเสบตอนตั้งครรภ์
ไส้ติ่งอักเสบตอนตั้งครรภ์

การวินิฉัย ไส้ติ่งอักเสบ ขณะตั้งครรภ์

อาการปวดท้องน้อยด้านขวาเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดของไส้ติ่งอักเสบทั้งสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หากไส้ติ่งอักเสบ อาจทำให้คนท้องมีอาการปวดรุนแรงขึ้นในช่องท้องหรือบริเวณท้องด้านขวาบน  นอกจากการซักประวัติและตรวจร่างกายแบบละเอียดเพื่อแยกอาการปวดท้องภาวะตั้งครรภ์อื่น ๆ และตรวจปัสสาวะหาเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวเพื่อแยกการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือดูตามอาการและผลการตรวจร่างกาย และคลำดูบริเวณท้องว่ามีการตอบสนองต่อภาวะอักเสบเฉพาะที่หรือไม่แล้ว แพทย์มักแนะนำให้ทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound Upper Abdomen) หากสงสัยว่าไส้ติ่งอักเสบคือสาเหตุของอาการปวด

การรักษาด้วยการ ผ่าตัดในไตรมาสที่หนึ่งและสองมักไม่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์และได้ผลในการรักษาที่ดีเท่ากับในผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามไส้ติ่งอักเสบในหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างทันท่วงที อาจส่งผลให้อาการรุนแรงถึงขั้นไส้ติ่งแตกและอาจทำให้มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดหรือแท้งลูกได้

เมื่อผู้ป่วยตั้งครรภ์ถึงมือแพทย์ และมีอาการบ่งชี้ถึงไส้ติ่งอักเสบ แพทย์จะใช้อัลตราซาวนด์เพื่อวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความยากลำบากในการดูไส้ติ่งในผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ การอัลตราซาวนด์ด้วยการ MRI จึงเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการวินิจฉัย  ด้วย วิธี MRI ไม่มีความเสี่ยงต่อการแผ่รังสีต่อทารกในครรภ์ เช่นเดียวกับ CT Scan และให้ความแม่นยำในการวินิจฉัยที่เทียบเท่ากัน

สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบการวินิจฉัยที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการตัดไส้ติ่งที่ล่าช้าอาจนำไปสู่การแตกของไส้ติ่งและอัตราการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ที่สูงขึ้น มาตรฐานการดูแลหลังการวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันในผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ คือ การให้คำปรึกษาการผ่าตัดไส้ติ่งฉุกเฉิน เนื่องจากประสิทธิภาพและความปลอดด้วยการให้ยาปฏิชีวนะควบคู่กับการผ่าตัดในผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ยังคงต้องมีการศึกษาถึงผลกระทบที่รุนแรงในยิ่งตั้งครรภ์ต่อไป

อ่านต่อ…ไส้ติ่งอักเสบตอนท้อง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up