ไส้ติ่งอักเสบ ตอนท้อง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม! - Page 2 of 2 - Amarin Baby & Kids
ไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งอักเสบ ตอนท้อง อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม!

Alternative Textaccount_circle
event
ไส้ติ่งอักเสบ
ไส้ติ่งอักเสบ

การผ่าตัด ไส้ติ่งอักเสบ ขณะตั้งครรภ์ อันตรายหรือไม่?

สิ่งที่ควรรู้ คือ ก่อนไปพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด ไม่ควรทานยาแก้ปวด งดน้ำและอาหารเพื่อลดการบดบังอาการ ซึ่งในกรณีที่จำเป็นต้องผ่าตัดโดยเร่งด่วน การงดน้ำ งดอาหาร จะช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้  สำหรับการผ่าตัด หากคุณตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาสที่สอง แพทย์จะสามารถส่องกล้องเพื่อทำการผ่าตัดได้อย่างสะดวก โดยจะมีการผ่าตัดผ่านรูเล็กๆ บริเวณช่องท้องของคุณ ซึ่งต่างจากการผ่าตัดใหญ่ที่อาจอันตรายกว่าหลังจากการผ่าตัด 24 สัปดาห์ ควรเฝ้าสังเกตของทารกในครรภ์เพื่อช่วยดูแลลูกน้อยของคุณ สำหรับคนท้องไตรมาสที่สามโดยทั่วไปแพทย์อาจทำการผ่าตัดไส้ติ่งพร้อมกับผ่าตัดคลอดออกมาพร้อมกัน หากคุณแม่มีอายุครรภ์อยู่ในไตรมาสที่สามหรืออายุครรภ์พร้อมคลอด

ความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์จากการผ่าตัดไส้ติ่งย่อมมีเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจะมากน้อยเพียงใดยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งของไส้ติ่ง สภาวะของไส้ติ่ง อายุครรภ์ และความยากง่ายของการผ่าตัด ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นโดยทั่วไปสำหรับการผ่าตัดไส้ติ่งในระหว่างการตั้งครรภ์ ได้แก่

  • เกิดภาวะมดลูกหดรัดตัวก่อนกำหนด /คลอดก่อนกำหนด
  • ทารกเสียชีวิตในครรภ์/แท้งบุตร
  • มีอาการน้ำเดินก่อนกำหนด
  • ทารกน้ำหนักตัวน้อย

อย่างไรก็ตาม สตรีมีครรภ์ที่ผ่าตัดไส้ติ่ง (ทั้งแบบส่องกล้องหรือเปิดแผล) อาจมีอาการมดลูกหดตัว และ เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดได้ อย่างไรก็ตามมีเพียง 10% ที่ความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งอัตราการคลอดก่อนกำหนดในผู้ที่ต้องทำการผ่าตัดไส้ติ่งระหว่างการตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้น เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ได้แก่

  • ผ่าตัดก่อนตั้งครรภ์ 24 สัปดาห์ โอกาสคลอดก่อนกำหนด 8%
  • ผ่าตัด 24 ถึง 28 สัปดาห์ โอกาสคลอดก่อนกำหนด 13%
  • ผ่าตัด 29 ถึง 36 สัปดาห์ โอกาสคลอดก่อนกำหนด 35%

ในกรณีที่มีภาวะมดลูกหดรัดตัวก่อนกำหนดหลังผ่าตัดไส้ติ่ง อาจต้องมีการให้ยายับยั้งการหดรัดตัวเป็นระยะ เมื่ออาการอักเสบติดเชื้อดีขึ้นก็สามารถลดยาและหยุดยาได้

 

คนท้องไส้ติ่งอักเสบ
คนท้องไส้ติ่งอักเสบ

 

การรักษาโรค ไส้ติ่งอักเสบ

เมื่อได้รับการวินิจฉัยเป็นไส้ติ่งอักเสบ จำเป็นต้องมีการผ่าตัดไส้ติ่งออก โดยแพทย์จะพิจารณาร่วมกับแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวชเรื่องการดูแลการตั้งครรภ์ให้ดำเนินต่อไปได้ราบรื่น ซึ่งโดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องผ่าคลอดร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยเฉพาะแต่ละราย นอกจากนี้หากคุณแม่ตั้งครรภ์ไส้ติ่งแตกอาจทำให้หนองอักเสบจากไส้ติ่งกระจายไปทั่วท้องและมีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ดังนั้นการเข้ารับการผ่าตัดรักษาอย่างรวดเร็วคือสิ่งสำคัญที่สุด

สำหรับการผ่าตัดในปัจจุบัน นอกจากการผ่าตัดเปิดหน้าท้องแล้วยังมีการผ่าตัดผ่านกล้องที่ช่วยให้แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว ทั้งยังลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่างผ่าตัด ซึ่งขณะผ่าตัดสูติ-นรีแพทย์จะร่วมกับทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดผ่านกล้องประกอบกับการใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก 3 มิติ อย่างไรก็ตามในกรณีที่ไส้ติ่งแตกแพทย์จะทำการผ่าตัดด้วยวิธีการเปิดหน้าท้องเท่านั้น

การฟื้นตัวจากการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ

ในคนปกติที่ไม่ได้ตั้งครรภ์มักจะกลับบ้านได้เร็วหลังการผ่าตัด แต่โดยทั่วไปอย่างน้อยสำหรับคนท้องคุณจะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1 คืน การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดจะมีความสำคัญมาก เมื่ กลับบ้าน ผู้ป่วยจำเป็นต้องพักฟื้นอย่างน้อยประมาณหนึ่งสัปดาห์ หรือมากกว่านั้น เพื่อเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนหรืออาการของการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งการพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นตัวและโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจะน้อยลง  นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและนัดหมายแพทย์ โดยปกติต้องติดตามผลกับศัลยแพทย์ภายในหนึ่งหรือสองสัปดาห์หลังการผ่าตัดนอกจากนี้แผนการคลอดของคุณไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลง หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นโปรดปรึกษาแพทย์

ข้อควรรู้

บางครั้งคุณแม่หลายคนที่ไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบ เมื่อถึงกำนหดคลอดอาจต้องการให้แพทย์ที่ผ่าคลอดตัดไส้ติ่งออกไปด้วย ซึ่งความจริงแพทย์อาจไม่แนะนำให้ทำ เนื่องจากไส้ติ่งคือส่วนหนึ่งของลำไส้ ที่มีกากอาหาร อุจจาระ และแบคทีเรียต่างๆ ปนเปื้อนอยู่ เมื่อผ่าคลอด มดลูกจะมีแผลยาวประมาณ 10 เซนติเมตร หรือ พอๆ กับขนาดศีรษะเด็ก ซึ่งเป็นแผลสดที่พร้อมจะติดเชื้อได้ตลอดเวลา ถ้าทำการตัดไส้ติ่งโดยไม่จำเป็น แล้วเกิดมีเหตุไม่คาดฝันบางอย่าง เช่น เกิดการรั่วของลำไส้ มีกากอาหาร อุจจาระ และแบคทีเรียแผลที่มดลูกและอาจทำให้มดลูกเน่าได้ จนอาจถึงขั้นต้องตัดทิ้ง  เพราะฉะนั้นหากเป็นไปได้ ควรตัดไส้ติ่งออกเมื่อมีเหตุจำเป็นเช่นมีการอักเสบของไส้ติ่ง ย่อมสมเหตุสมผลและปลอดภัยมากกว่าค่ะ

อาการปวดไส้ติ่งอักเสบตอนท้องหรือไส้ติ่งแตกอาจเป็นอันตรายต่อแม่และทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เช่นอาการปวดท้องที่ไม่หายไป ไม่ควรชะล่าใจ ทางที่ดีควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ซึ่งหากพบว่าคุณเป็นไส้ติ่งอักเสบจริงแพทย์ก็จะสามารถรักษาได้ทันก่อนที่ไส้ติ่งจะแตกซึ่งอาจเป็นภาวะที่อันตรายและเสี่ยงต่อชีวิตได้

เมื่อลูกน้อยของคุณเติบโตขึ้นในวัยที่พร้อมจะเรียนรู้โลกกว้าง การปลูกฝังให้พวกเขาให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกาย และรู้เท่าทันต่อโรคภัย เช่นการรักษาความสะอาดและการใช้ชีวิตเพื่สุขอนามัยที่ดี ตลอดจนการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการสร้างนิสัยให้ลูกกล้าพูดกล้าบอกเมื่อมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับสุขภาพร่างกาย ก็จะช่วยให้เพวกเขาเกิดทักษะความฉลาดที่รอบด้านด้วย Power BQ ในด้านของ ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี (HQ) ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญของเด็กๆ แห่งศตวรรษที่ 21 ได้อย่างแน่นอนค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://westjem.comhttps://www.verywellfamily.comhttps://mobile.facebook.com/Dr.AnnVTN/

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up