รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสียชีวิตในครรภ์
1.คุณแม่ที่ลูกเสียชีวิตในครรภ์ ขณะที่อายุครรภ์ยังน้อย อาการของการตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เต้านมคัดตึง จะหายไป
2.คุณแม่ที่ลูกเสียชีวิตในครรภ์ ขณะที่อายุครรภ์มากแล้ว น้ำหนักตัวจะไม่ขึ้น หรือลดลง จากที่ลูกเคยดิ้นก็หยุดดิ้น ครรภ์ไม่โตขึ้น และกลับเล็กลงด้วย รวมถึงมีเลือดออกทางช่องคลอด
ดูแลตัวเองเมื่อลูกเสียชีวิตในครรภ์
คุณแม่ทุกคน หวังจะให้ลูกน้อยมีชีวิต และสุขภาพแข็งแรง แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ย่อมทำให้คุณแม่และครอบครัวเสียใจ เมื่อสังเกตได้ว่าลูกน้อยเสียชีวิตในครรภ์ ให้รีบพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยเพื่อตัดสินใจว่าจะรอให้เกิดการแท้ง หรือคลอดเองเมื่อถึงเวลา ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในช่วงนี้ต้องคอยสังเกตความผิดปกติ หรืออาการเลือดออกในอวัยวะต่างๆ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด เป็นต้น
ในขั้นตอนการตรวจวินิจฉัย คุณหมอจะตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิต เช่น เจาะเลือดตรวจเบาหวาน ตรวจการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อในครรภ์ โรคธาลัสซีเมีย ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และตรวจกรุ๊ปเลือด
คุณหมอจะรอให้แท้ง หรือคลอดออกมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังเสียชีวิต โดยการใช้ยาเหน็บช่องคลอด หรือกระตุ้นการหดตัวของมดลูก หลังจากนั้น จะทำหัตถการต่างๆ เช่น ดูดหรือขูดมดลูก ผ่ามดลูกเอาเด็กออก ซึ่งคุณแม่จะต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณ 1 วัน
การป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเสียชีวิตในครรภ์
1.ดูแลสุขภาพร่างกาย และจิตใจให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ไม่มากเกินไป
2.รักษาโรคประจำตัว ควบคุมโรคให้ดี ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจตั้งครรภ์ และฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ
3.ทำตามคำแนะนำของแพทย์ และสังเกตความผิดปกติ หรือนับการดิ้นของลูกน้อย
4.ถ้าคุณพ่อ คุณแม่มีความผิดปกติทางโครโมโซม ต้องตรวจลูกน้อยในครรภ์ด้วยเป็นระยะๆ
เครดิต: รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ สูตินรีแพทย์, DrSeri’s Clinic
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
ฝากครรภ์ช้า ไม่กินยาบำรุง อันตราย! เสี่ยงลูกพิการ
อุทาหรณ์! ลูกเสียชีวิตในครรภ์เพราะลืมนับลูกดิ้น
สายสะดือพันคอทารก ในครรภ์แม่จะรู้ได้อย่างไร?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่