ทีมงาน Amarin Baby and Kids รู้สึกดีใจแทนคุณพ่อเลยละค่ะ ที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูก มิเช่นนั้นละก็ไม่กล้านึกต่อเลยจริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น … อย่างไรก็ดี เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ประโยชน์สูงสุด ทีมงานมีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสังเกตว่า ทารกเสียชีวิตในครรภ์ แล้วหรือไม่มาฝากกันค่ะ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดเป็นความรู้และจะได้ระวังได้อย่างถูกวิธีนั่นเอง
ไม่อยากให้ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ รู้ไว้ก่อนป้องกันได้
สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบว่า ทารกเสียชีวิตในครรภ์ แล้วนั้นเกิดได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้
- สาเหตุจากตัวมารดา ยกตัวอย่างเช่น มารดามีอายุมาก น้ำหนักมากเกินไป มีโรคประจำตัว ได้รับอุบัติเหตุ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และเสพยาเสพติด เป็นต้น
- สาเหตุอันเกิดจากตัวทารกเอง เช่น มีความผิดปกติของโครโมโซม มีความพิการ ติดเชื้อในครรภ์ ทารกเจริญเติบโตช้า และขาดออกซิเจนเรื้อรัง เป็นต้น
- สาเหตุจากรกและสายสะดือ ในระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้น สายสะดือของทารกพันกัน หรือรกคลอดตัวก่อนกำหนด
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ โดยวิธีการสังเกตด้วยตัวของคุณแม่เองนั้น สามารถทำได้ดังนี้
- อาการของการตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน เต้านมคัดตึง หายไป
- น้ำหนักตัวมารดาไม่ขึ้น หรือ กลับลดลง
- ทารกที่เคยดิ้นในครรภ์แล้ว หยุดดิ้นไป
- ครรภ์ไม่โตขึ้น (หน้าท้องไม่โตขึ้น) และกลับเล็กลงด้วย
- มีเลือดออกทางช่องคลอด
ไม่มีคุณพ่อหรือคุณแม่ท่านไหนอยากให้ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ กันหรอกค่ะ ดังนั้น สิ่งที่จะมาช่วยป้องกันได้ดีที่สุดก็คือ การรู้จักสำรวจตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น การนับลูกดิ้น เป็นต้น หรือถ้าในระหว่างนั้นพบอาการผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ละก็ ไม่ว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อย่าชะล่าใจเด็ดขาดนะคะ รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและวินิจฉัยอย่างละเอียดจะดีที่สุด
ขอบคุณที่มา: แหม่มโพธิ์ดำ และ Pobpad
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่