เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

มหัศจรรย์ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สามารถสกัดกั้นเชื้อโรคได้จริง!

Alternative Textaccount_circle
event
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ดีจริง! นมแม่มีประโยชน์มหาศาลกับลูกน้อย เป็นแหล่งอาหารและภูมิคุ้มกันชั้นดีของลูก รับรองด้วยผลวิจัย แบบนี้สิถึงเรียกได้ว่ามหัศจรรย์นมแม่

 

มหัศจรรย์ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สามารถสกัดกั้นเชื้อโรคได้จริง!

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ดียังไง? … เพราะ นมแม่ เป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์และโภชนากรทั่วโลกแล้วว่า เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกในระยะแรก ด้วยนมของสัตว์ชนิดใดก็เหมาะกับความเจริญเติบโตของลูกสัตว์ชนิดนั้น นมของวัวจึงเหมาะกับลูกวัว และนมคนก็เหมาะกับลูกคน ดังนั้นถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ หรือแพทย์ห้ามแล้ว ควรให้ลูกดื่มนมของตนเอง

นมแม่ มีประโยชน์มหาศาลสำหรับลูกน้อย เพราะเป็นทั้งแหล่งอาหารและภูมิคุ้มกันสำคัญที่ทำให้ลูกแข็งแรงอีกด้วย และคุณค่าทางอาหารนั้น ยังคงค่าอยู่ไม่ลดลงตลอดไป จนสามารถใช้เลี้ยงทารกได้อย่างน้อย 1-2 ปี หรืออาจนานกว่านั้น

มหัศจรรย์ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
มหัศจรรย์ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ปกติ นมแม่ ในระยะ 6 เดือนแรกหลังคลอดจะมีปริมาณ 850 มิลลิลิตรต่อวัน และในน้ำนมนั้นจะมีสารอาหารต่างๆ ตั้งแต่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรท เกลือแร่ และวิตามินครบถ้วนเพียงพอกับความต้องการของทารกในระยะ 4-6 เดือนแรก จะขาดหายไปบ้างก็อาจเป็นธาตุเหล็ก วิตามินซี และวิตามินดี น้ำนมแม่จึงมีคุณค่าทางอาหารและมีจำนวนแคลอรี่เหมาะสมกับทารกมากที่สุด ฉะนั้นการเลี้ยงทารกด้วยนมแม่ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ จะเป็นวิธีการสำคัญในการป้องกันโรคขาดอาหารในทารกได้

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้นานแค่ไหน??

เมื่อความตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องมาสั่นคลอนความตั้งใจกับคำถามเหล่านี้

“ยังให้ลูกกินนมแม่อยู่อีกเหรอ จนลูกเดินได้แล้ว นมแม่จะยังจะมีอะไรดีอีกล่ะ?”

มีคุณแม่ให้นมหลายคน อาจเคยได้ยินคำถามนี้ ซึ่งอาจฟังดูเป็นคำถามเชิงทักทายที่คนพูดอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนฟังจะมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป ขึ้นกับความเชื่อมั่น ความรู้ความเข้าใจเรื่องนมแม่ และ อุเบกขา (ความวางเฉยแบบวางใจเป็นกลางๆ โดยไม่เอนเอียงเข้าข้าง) ที่มีต่อคนถาม

ซึ่งสำหรับคุณแม่ที่มีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม หาข้อมูลพร้อม และเลือกที่จะให้นมแม่นานๆ ด้วยความเต็มใจ ก็คงจะไม่มีความสั่นคลอนในความมุ่งมั่นนี่ เธอคงจะยืดอกขึ้นแล้วกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า

“ค่ะ ยังจะให้ไปจนลูกเข้าอนุบาลเลยล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ช่วยให้หายเจ็บป่วยเร็ว เพราะ นมแม่ มีเซลล์ช่วยจับกินเชื้อโรคแล้วก็มีภูมิต้านทานโรคด้วย”

และถ้าคนถามยังไม่เป็นลมไปเสียก่อน ก็อาจจะถามต่อว่า “เธอรู้ได้ไง ?”

“อ๋อ! ก็ดูจากลูกของฉันเองนี่ไง อาทิตย์ที่แล้วทั้งปู่ย่า พ่อแม่ เป็นหวัดกันงอมแงม แต่ลูกฉันน้ำมูกไหลนิดหน่อยวันสองวันก็หายแล้ว “ 

ทำอย่างไรให้เราเป็นแม่ที่มีความมั่นใจ เชื่อมั่นในแนวทางการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุด จนสามารถตอบคนอื่นได้อย่างมาดมั่นเช่นในตัวอย่าง คงต้องเริ่มต้นจากการมั่นใจเสียก่อนว่า นมแม่มีประโยชน์มากแค่ไหน

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถึงกี่ขวบกันดีนะ
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถึงกี่ขวบกันดีนะ

ผลวิจัยชี้! นมแม่เป็นยาต้านเชื้อโรค

โดยทางเพจ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องผลวิจัยของนมแม่ ซึ่งสามารถสกัดกั้นเชื้อโรค ไว้ดังนี้…

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ เต้านมแม่ผลิตสารภูมิต้านทานชนิด SIgA ที่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อที่แม่เคยได้รับ แล้วส่งออกมากับน้ำนมค่ะ ลูกที่ดูดนมแม่จึงได้ภูมิต้านทานเข้าไปทุกวัน จึงไม่ป่วย หรือป่วยก็หายเร็วกว่า ผู้คนก็คงจะงุนงงและสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน และอยากจะพิสูจน์ให้เห็นกันจะจะไปเลย

โดย ผู้ใช้เฟสบุ๊คท่านหนึ่งที่ชื่อ Vicky Greene ก็คงจะสงสัยเช่นเดียวกันค่ะว่า น้ำนมแม่จะสกัดกั้นเชื้อโรคได้จริงหรือไม่ และเนื่องจากเธอเป็น นักศึกษาชีววิทยาชั้นปีที่ 1 ที่ South Devon College เธอจึงตัดสินใจศึกษาคุณสมบัติของน้ำนมแม่ ที่มาจากแม่ที่มีลูกอายุต่าง ๆ กัน ว่าจะหยุดยั้งการเติบโตของเชื้อโรคได้แตกต่างกันหรือไม่

ในการศึกษาทางจุลชีววิทยา ผู้วิจัยจะใช้จานเพาะเลี้ยงที่มีอาหารให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ ใส่เชื้อแบคทีเรีย ลงไป. (การทดลองนี้ใช้เชื้อ M. Luteus ) วางแผ่นกลมๆที่ชุบน้ำนมแม่จนชุ่ม ไว้ตรงกลางจานเพาะเชื้อนี้ จานแรก ( BmA) ใช้น้ำนมจากแม่ที่มีลูกอายุ 15 เดือน จานที่ 2 (BmB) ใช้น้ำนมจากแม่ที่มีลูกอายุ 3 ปี

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เมื่อเวลาผ่านไป กลับไปดูจานเพาะเชื้อ ถ้าน้ำนมแม่สกัดกั้นเชื้อไม่ได้ เชื้อก็จะเติบโตลามเข้ามาถึงแผ่นตรงกลางจานได้ แต่ถ้าสกัดได้ก็จะเห็นวงใส ๆ รอบตำแหน่งที่เชื้อหยุดการเติบโต

ผลการทดลองออกมาน่ามหัศจรรย์มากเลยค่ะ จานเพาะเชื้อมี่มีแบคทีเรียขุ่นขาวทั้งจาน กลับมี วงใสๆรอบแผ่นน้ำนมแม่! นั่นแสดงว่า โปรตีนชนิดใดชนิดหนึ่งในน้ำนมแม่ เป็นตัวหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ M. Luteus และเมื่อนักวิจัย ทำกับเชื้อ E. Coli และ MRSA ( เชื้อ staphylococcus ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ) ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน

การทดลองนี้ แสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่า น้ำนมแม่ที่มาจากแม่ที่ให้นมมานาน ถึง 15 เดือน และ 3 ปี ยังมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ในห้องทดลอง

น้ำนมแม่ที่แม่ผลิตมานานเป็นปีๆ ไม่ได้ลดทอนคุณภาพลงเลยแม้แต่น้อยค่ะ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กที่กินนมแม่จึงเจ็บป่วยน้อยกว่า

อย่าไปเชื่อคำพูดลอยๆ ว่านมแม่เท่านั้นเท่านี้เดือนไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพราะน้ำนมแม่มี คุณสมบัติน่าอัศจรรย์ ที่นมผสมไม่อาจทำเทียมเลียนแบบได้ เช่นนี้เองค่ะ

นมแม่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สารอาหาร แต่ คือ ยาต้านเชื้อโรค

อนาคตช่างสดใส อนาคต คือ นมแม่!
/แอดมินหมอติ๋ม


(Cr.Facebook ของ คุณ Vicky Greene http://www.huffingtonpost.com/entry/people-are-loving-the-results-of-this-breast-milk-petri-dish-experiment_us_589de343e4b094a129ea7815?6xadzpvi และขอบคุณ พญ. กรรณิการ์ บางสายน้อย ที่นำมาเผยแพร่ค่ะ)
ขอบคุณข้อมูลจาก  : เพจ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย

มหัศจรรย์นมแม่ แท้จริง!

นอกจากผลวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่านมแม่เปรียบเสมือนยาต้านเชื้อโรคชั้นเยี่ยมให้กับลูกน้อยของเราแล้ว เชื่อหรือไม่ว่านมแม่ยังมีประโยชน์มากมายอีกหลายข้อ โดยเราสามารถแบ่งข้อดีของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ออกเป็น ผลดีต่อแม่ และผลดีต่อลูก ดังนี้

เมื่อ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่งผลดีต่อสุขภาพของแม่

  • ป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากทำให้เกิดการกระตุ้นการหลัง hormone oxytocin ทำให้มดลูกกลับสู่สุขภาพปกติเร็วขึ้น
  • ช่วยการคุมกำเนิด เนื่องจากกดการทำงานของรังไข่ โดยแม่ที่เลี้ยงนมลูกอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอจะมีโอกาสตั้งครรภ์ในระยะ 6 เดือนแรกหลังคลอดน้อยกว่าร้อยละ 2 แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้วแนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย
  • ช่วยลดน้ำหนักแม่ในระยะหลังคลอด โดยน้ำหนักจะค่อยๆลดประมาณ 0.6-0.8 kg/เดือน เนื่องจากมีการเผาผลาญไขมันที่เก็บสะสมไว้ในระยะตั้งครรภ์ เพื่อใช้ในการสร้างน้ำนม ทำให้แม่กลับมามีรูปร่างที่สวยงามได้เร็ว มีการศึกษาว่า การให้นมแม่ถึงอายุ 1 ปี แม่จะมีน้ำหนักใกล้เคียงกับเมื่อก่อนตั้งครรภ์
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเฉพาะมารดาที่เป็น GDM ซึ่งกลไกคิดว่าเกิดจากการที่มีน้ำหนักตัวลดลง การเปลี่ยนแปลงสัดส่วน การกระจายของไขมัน และความไวต่อการตอบสนองของอินซูลิน
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง หากเคยเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่นาน 12 เดือนขึ้นไป
  • ลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากการสร้างมวลกระดูกจะสูงมากหลังหยุดให้นมแม่ และจะยังมีผลต่อไปอีก 5-10 ปี
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิว กรณีถ้าให้นานกว่า 18 เดือน (แต่ถ้าให้ระยะสั้นๆ จะลดโอกาสการเกิดแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ) มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม ในสตรีวัยที่มีประจำเดือน ยิ่งให้นมนาน ก็ยิ่งมีผลในการป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เมื่อ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่งผลดีต่อสุขภาพทารก

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยการสร้างจุลินทรีย์ประจำถิ่น (Microbial colonization) บนผิวหนังของลูกชนิดเดียวกับแม่ มีสาร prebiotics ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของ Bifidobacterium ในลำไส้ทารก นอกจากนี้ในน้ำนมแม่ยังมีสารนิวคลีโอไทด์หลายชนิด ช่วยทำให้เยื่อบุลำไส้ในลำไส้ทารกเจริญเติบโตเร็ว เพื่อรองรับการสัมผัสกับเชื้อประจำถิ่น การได้รับ sIgA บนบริเวณลานนมซึ่งจะไปดักจับเชื้อโรคบนเยื่อบุผิวลำไส้ และเยื่อบุผิวบนอวัยวะอื่นๆ เช่น ระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังมี T-lymphocyte ทำหน้าที่จับกินเชื้อโรคที่มาเกาะเยื่อบุผิว โดยภาพรวม ทำให้ลดอัตราตายของทารกและเด็ก โดยเฉพาะจากโรคติดเชื้อทางระบบหายใจ และโรคอุจจาระร่วง
  • ลดโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ เช่นโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ โรคหืด โดยมีการศึกษาว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 3 เดือน ช่วยลดโอกาสการเกิด atopic dermatitis และโรคหืดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตินอกจากนี้ยังลดโอกาสการเกิดเป็นเบาหวาน
  • เสริมสร้างสมองให้ว่องไวในการเรียนรู้ เพิ่มระดับเชาว์ปัญญา จึงทำให้ทารกเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ มีสุขภาพที่ดี เติบโตสมวัย ในนมแม่จะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสายโมเลกุลยาว ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการเจริญของเนื่อเยื่อประสาทและจอประสาทตาเมื่ออายุ 6 เดือน

นอกจากนี้ ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกตลอดเวลาที่ให้นมบุตร ซึ่งสามารถพัฒนาพฤติกรรมทางสังคม ทารกจะเกิดการเรียนรู้เนื่องจากมีการทำงานของสมองที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าตลอดเวลา นอกจากนี้การให้ลูกได้ดูดนมแม่ จะทำให้มีการหลั่ง oxytocin ในสมองของมารดา มีผลให้มารดาคลายความกังวล ลดความก้าวร้าวและมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางสังคมที่เร็วขึ้น

ไม่ต้องห่วงลูกขาดสารอาหาร หากทำตามนี้…

ข้อเสนอแนะการเลี้ยงดูทารก และเด็กตามนโยบายสาธารณะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ได้ให้แนวทางในการเลี้ยงดูด้วยนมแม่ที่เหมาะสม ดังต่อไปนี้

  1. ช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 เดือนให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว โดยให้ดูดนมแม่เร็วที่สุดหลังเกิดหรือภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอด หลังจากนั้นให้นมลูกบ่อยครั้งตามความต้องการของลูก
  2. ช่วงอายุ 6-12 เดือนให้นมแม่ร่วมกับอาหารทารกตามวัย
  3. ช่วงอายุ 1-2 ปี ให้อาหารตามวัย 3 มื้อร่วมกับนมแม่
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.medicine.cmu.ac.th

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

เคล็ดลับ! เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไรให้สำเร็จ

อุ่นนมแม่ อย่างไรไม่ให้เสียคุณค่าสารอาหาร?

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ : 10 เรื่องอะไร ควรทำ ไม่ควรทำ ช่วงให้นมลูก

เทคนิคเพิ่มน้ำนมแม่ ให้ลูกมีกินได้นานเป็นปี

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่


เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up