น้ำปั่นบำรุงผิว
♥ สูตรผิวอ่อนเยาว์
ส่วนผสม แครอท 1 หัว ส้ม 1 ลูก มะเขือเทศ 1 ลูก มะนาว 1 ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ใส่แครอท ส้มที่ปอกเปลือกแล้ว และมะเขือเทศ ลงไปในเครื่องปั่นทีละน้อย
- คั้นน้ำมะนาว แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งและส่วนผสมข้อ 1 คนให้เข้ากัน
*Health Note คุณเอกหทัย แซ่เตีย หัวหน้านักวิชาการอาหารและโภชนาการโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ผู้คิดค้นสูตรนี้ให้ความรู้ว่า
- แครอท เป็นผักที่มีวิตามินเอสูงติดอันดับ 1 ใน 4 รองจากตำลึง ชะอม และคะน้า จึงช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง
- ส้ม อุดมด้วยวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการ สร้างคอลลาเจน ทำให้สุขภาพผิวดี ลบเลือนริ้วรอย และยังช่วยสร้างกระดูกอ่อนให้แข็งแรงอีกด้วย
- มะเขือเทศ อุดมด้วยสารไลโคปีน ซึ่งมีหน้าที่ในการกำจัดสารแอนติออกซิแดนต์บนผิวหนัง พร้อมทั้งยังช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เป็นตัวการทำให้เกิดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวสดใส อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี
***Guru Guide สูตรนี้อุดมไปด้วยวิตามินเอ คุณเอกหทัยจึงแนะนำให้ดื่มหลังอาหาร เนื่องจากร่างกายต้องอาศัยไขมันเป็นตัวทำละลายและน้ำเป็นตัวช่วยในการดูดซึม
♥ สูตรผิวกระจ่างใส
ส่วนผสม สับปะรด 6 – 8 ชิ้น แอ๊ปเปิ้ลเขียวหรือแอ๊ปเปิ้ลแดง
1 ลูก มะละกอ 6 – 8 ชิ้น มะเขือเทศ 1 ลูก สตรอว์เบอร์รี่แช่แข็ง
1 ช้อนโต๊ะ น้ำทับทิม 100 เปอร์เซ็นต์ 30 ซีซี
วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นให้เข้ากัน
*Health Note คุณเอกหทัยแนะนำคุณประโยชน์ของวัตถุดิบในสูตรนี้ว่า
- สับปะรด มีวิตามินเอ ซี และอีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส เปล่งปลั่ง พร้อมทั้งยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย
- แอ๊ปเปิ้ลเขียวหรือแอ๊ปเปิ้ลแดง มีสารสาคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และใยอาหารชนิดละลายน้ำที่ชื่อ “เพกติน” มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก บำรุงผิวพรรณ ทั้งยังมีรสหวานอมเปรี้ยวกำลังดี เข้ากับวัตถุดิบอื่น ๆ ที่นำมาทำน้ำผักผลไม้ได้
- มะละกอ อุดมไปด้วยวิตามินเอและเอนไซม์ปาเปน ที่ช่วยกักเก็บและเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- มะเขือเทศ มีวิตามินหลายชนิด เช่น เอ บี ซี เค รวมถึงสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นสดใส ไม่แห้งกร้าน
- สตรอว์เบอร์รี่ เป็นแหล่งวิตามินซี ช่วยสร้างคอลลาเจน บำรุงผิวพรรณ
- น้ำทับทิม อุดมด้วยวิตามินเอ อี ซี ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว
***Guru Guide คุณเอกหทัยกล่าวว่า สูตรนี้สามารถเลือกใช้แอ๊ปเปิ้ลเขียวหรือแอ๊ปเปิ้ลแดงก็ได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบระหว่างแอ๊ปเปิ้ลเขียวกับแอ๊ปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนักในเรื่องของคุณค่าสารอาหาร แต่สิ่งที่แอ๊ปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์
♥ สูตรรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
ส่วนผสม แกนสับปะรด 2 – 3 แกน โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง 1 ถ้วย แครนเบอร์รี่ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่อง ปั่นให้เข้ากัน
*Health Note คุณเอกหทัยให้ความรู้ว่า
- นอกจาก แกนสับปะรด จะมีใยอาหารสูงมากจึงช่วยแก้ท้องผูกได้แล้ว ยังมีสรรพคุณในการสมานแผลและลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะมีเอนไซม์โบรมีเลน (Bromelain) ซึ่งออกฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้ออ่อน ๆคอยทำลายแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง เป็นแหล่งโพรไบโอติก (Probiotics)หรือจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร(pylori) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
- แครนเบอร์รี่ ประกอบไปด้วยสารแอนติออกซิแดนต์กลุ่มฟลาโวนอยด์ที่ช่วยรักษาแผลในช่องท้อง นอกจากนี้ความเป็นกรดอ่อน ๆ ของผลแครนเบอร์รี่ยังช่วยยับยั้ง ป้องกัน และรักษาการเกิดนิ่วในไตได้อีกด้วย
***Guru Guide คุณเอกหทัยแนะนำว่า นอกจากผลไม้อย่างแครนเบอร์รี่แล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเป็นองุ่น แอ๊ปเปิ้ลเขียว หรือแอ๊ปเปิ้ลแดง ซึ่งอุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์ก็ได้เช่นกัน
สูตรน้ำเอนไซม์ลดพุงจากญี่ปุ่น
น้ำเอนไซม์ก็ถือเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพอีกประเภทที่สำคัญ ไม่แพ้กัน อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต เคยบอกไว้ว่า “เอนไซม์มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตในโลก ถ้าไม่มีเอนไซม์ก็ไม่มีชีวิต โดยมีหน้าที่กระตุ้นหรือเริ่มต้นให้วงจรหรือระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตทำงาน” อาจารย์สาทิสจึงคิดวิธีทำน้ำเอนไซม์จากผักผลไม้มาใช้ให้เป็นประโยชน์กับร่างกาย เช่น ช่วยย่อยอาหาร ช่วยทำความสะอาดบางระบบของร่างกาย แต่มีข้อแม้คือ จะต้องคั้นเอาน้ำสด ๆ ด้วยวิธีที่ถูกต้องเท่านั้น เพราะเอนไซม์จะเปลี่ยนสภาพหรือถูกทำลายเมื่อได้รับความร้อนจัดกระแสไฟฟ้า กระแสแม่เหล็ก หรืออาจถูกเอนไซม์ตัวอื่น ๆ ทำลาย ดังนั้นหากนำน้ำผลไม้ไปใส่เครื่องปั่นก็จะถูกกระแสไฟฟ้าทำลาย หากเคี้ยวสด ๆ เอนไซม์ในผักผลไม้ก็จะถูกเอนไซม์ในน้ำลายทำลาย
ทั้งนี้หลังจากได้น้ำเอนไซม์มาแล้ว อาจารย์สาทิสแนะนำให้ดื่มทันที ไม่ควรเก็บไว้นานเกินครึ่งชั่วโมง และห้ามเติมเกลือหรือน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติเด็ดขาด เพราะเอนไซม์จะถูกทำลาย หรือแม้กระทั่งการนำน้ำเอนไซม์แต่ละชนิดมาผสมกันก็ไม่ควรทำ เพราะเอนไซม์ของพืชผักแต่ละชนิดอาจมีฤทธิ์ทำลายกันเองเมื่อดื่มน้ำเอนไซม์แล้ว ร่างกายจะดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ผ่านการย่อยที่กระเพาะอาหาร ร่างกายจึงสดชื่นขึ้นทันตาเห็น
วิธีดื่มน้ำเอนไซม์ให้ได้คุณค่าครบ ควรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนชนิดของผักผลไม้ไปเรื่อย ๆ ไม่ควรดื่มชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำกันเป็นเวลานาน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
♥ สูตรผิวสวย
ส่วนผสม บ็อกชอย 150 กรัม พริกปาปริก้า (สีแดง) 1 ลูก เลมอน 1-2 ลูก น้ำ 100 มิลลิลิตร
วิธีทำ
- ใส่บ็อกชอยและพริกปาปริก้าลงไปในเครื่องแยกกาก สลับกับเติมน้ำทีละน้อย
- คั้นน้ำเลมอน แล้วนำมาผสมกับส่วนผสมข้อ 1 ให้เข้ากัน
*Health Note อาจารย์อุเอคิ โมโมโกะ เขียนไว้ในหนังสือ น้ำผักผลไม้ชะลอวัย สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ ว่า
- บ็อกชอย มีวิตามินหลายชนิด ช่วยให้ผิวขาวสวย เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้น ทั้งยังป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อีกด้วย
- พริกปาปริก้า (สีแดง) มีวิตามินซี อี และเบต้าแคโรทีนสูงกว่าพริกหยวก มีสารแอนติออกซิแดนต์สูง จึงช่วยชะลอความชรา บำรุงผิวและเนื้อเยื่อต่าง ๆ
***Guru Guide เพื่อปรับรสชาติให้ดื่มง่ายขึ้น อาจารย์อุเอคิแนะนำให้ปรุงรสหวานตามชอบด้วยน้ำผึ้ง โดยน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 2 กิโลแคลอรี จึงควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป
♥ สูตรหน้าท้องแบนราบ ไม่บวมน้ำ
ส่วนผสม ฟักเขียว 150 กรัม พีช 1 ลูก เลมอน 1 ลูก
วิธีทำ
- ใส่พีชและฟักเขียวลงไปในเครื่องแยกกากทีละน้อย
- คั้นน้ำเลมอน แล้วนำมาผสมกับส่วนผสม ข้อ 1 ให้เข้ากัน
*Health Note อาจารย์อุเอคิอธิบายว่า
- พีช เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงมาก แม้จะมีรสหวาน แต่พลังงานไม่สูง พีช 100 กรัมให้พลังงาน 40 กิโลแคลอรีจึงกินได้อย่างสบายใจแม้อยู่ในช่วงควบคุมอาหารฟักเขียว มีสรรพคุณขับปัสสาวะ จึงแก้อาการบวมน้ำได้ และเนื่องจากเนื้อฟักเขียวมีน้ำมาก จึงนิยมบริโภคเพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ทั้งยังอุดมด้วยวิตามินซีและให้พลังงานต่ำ เหมาะจะกินเพื่อบำรุงความงามจากภายใน
- เลมอน อุดมด้วยกรดซิตริก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเมแทบอลิซึมพื้นฐานในร่างกาย จึงช่วยให้ไม่อ้วนง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดื่มก่อนมื้ออาหารจะให้ผลดีเป็นพิเศษ
***Guru Guide อาจารย์อุเอคิแนะนำ เพิ่มเติมว่า นอกจากการบริโภคผักผลไม้ที่มี สรรพคุณปัสสาวะ เช่น ฟักเขียว ถั่วเหลือง ข้าวโพด ลูกเดือยแล้ว ผู้ที่มีอาการบวมน้ำควรลดการบริโภคเกลือให้น้อยลง หลีกเลี่ยงของมัน และควบคุมปริมาณการกินให้พอดีด้วย
♥ สูตรผลไม้สีเข้มยับยั้งคอเลสเตอรอล
ส่วนผสม บลูเบอร์รี่ 100 กรัม พีช 1 ลูก เลมอน 1- 2 ลูก
วิธีทำ
- ใส่บลูเบอร์รี่และพีชลงไปในเครื่องแยกกาก ทีละน้อย แยกกากเก็บไว้
- คั้นน้ำเลมอน แล้วนำมาผสมกับกากผลไม้และส่วนผสมข้อ 1 คนให้เข้ากัน
*Health Note อาจารย์อุเอคิให้ความรู้ว่า
- สารสีม่วงใน บลูเบอร์รี่ คือสารแอนโทไซยานินที่เป็นพอลิฟีนอลชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงช่วยดูแลสุขภาพดวงตา แต่ยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล เมื่อทำงานร่วมกับวิตามินอีก็จะช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งยังช่วยชะลอความชราด้วย
- พีช มีเส้นใยเพกติน ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดละลายน้ำอีกตัวหนึ่งที่ช่วยขับคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย ทั้งยังป้องกันการดูดซึมไขมันและน้ำตาล และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
♥ สูตรแล็กโตบาซิลลัสลดคอเลสเตอรอล
ส่วนผสม เซเลอรี่ 1 ต้น เลมอน 1 – 2 ลูก แอ๊ปเปิ้ล 1 – 2 ลูก โยเกิร์ตไขมันต่ำ 100 กรัม
วิธีทำ
- ใส่เซเลอรี่และแอ๊ปเปิ้ลลงไปในเครื่องแยกกากทีละน้อย
- คั้นน้ำเลมอน แล้วนำมาผสมกับโยเกิร์ตและส่วนผสมข้อ 1 ให้เข้ากัน
*Health Note อาจารย์อุเอคิกล่าวถึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์ในสูตรนี้ว่า
- โพแทสเซียมใน เซเลอรี่ ช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ จึงช่วยป้องกันโรคไต มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนใบสีเขียวมีเบต้าแคโรทีน
- แอ๊ปเปิ้ล มีเพกตินซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดละลายในน้ำ ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและโรคเบาหวาน มีโพแทสเซียมช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง เนื้อสีขาวมีเควอร์เซติน (Quercetin) เปลือกสีแดงสด มีแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารพอลิฟีนอลที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- โยเกิร์ต (ไขมันต่ำ) อุดมด้วยแคลเซียมและโปรตีนจากนม ร่วมกับแล็กโตบาซิลลัสที่ได้จากการหมักบ่ม ซึ่งดีต่อสุขภาพในการช่วยรักษาสมดุลในลำไส้ด้วยการเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดี พร้อมกับขจัดจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด
***Guru Guide อาจารย์อุเอคิให้ความรู้ว่า คอเลสเตอรอลมักถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายเสมอ แต่อันที่จริงแล้วปัญหาอยู่ที่ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของไขมันชนิดเลว (LDL) ซึ่งมักเกิดขึ้นในกระบวนการปรุงอาหาร เช่น การย่าง การทอด หรือกระบวนการแปรรูปและถนอมอาหาร ทำให้คอเลสเตอรอลร้อยละ 1 ในอาหารเกิดการเปลี่ยนแปลง วิธีป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นควบคู่กับการกินวิตามินเอ ซี และอี ซึ่งมีสารแอนติออกซิแดนต์ กินผักสีเขียว สีเหลือง และผลไม้ที่อุดมด้วยสารพฤกษเคมี รวมถึงดื่มน้ำผักผลไม้อย่างสม่ำเสมอทุกวันเพื่อยับยั้งอนุมูลอิสระในร่างกาย
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- 10 ท่าเซ็กส์ ลดน้ำหนัก เบิร์นแคลอรี่ได้กว่า 100 kcal
- แช่น้ำอุ่น สูตรลดน้ำหนัก ตามสไตล์ของคุณแม่ชาวญี่ปุ่น!
- กินไข่ ลดน้ำหนัก อย่างไรให้แม่ลดอ้วน ?
- 9 วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด..ให้คุณแม่กลับมาสวยเป๊ะเหมือนเดิม!
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก นิตยสารชีวจิต