นักแสดงดังเล่าประสบการณ์ภรรยาพบ ภาวะแท้งจากติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ทำเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ อันตรายที่แม่ห้ามมองข้าม
ภาวะแท้งจากติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
เตรียมตัวเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ทั้งนักแสดงหนุ่ม ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และภรรยาคนสวย นาน่า ธัญยา แต่ก็ต้องเจอกับบททดสอบที่ทำให้ต้องเสียน้ำตา เมื่อว่าที่คุณแม่เสี่ยงภาวะแท้งจากติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ส่งผลให้เลือดไหลไม่หยุด โดยทั้งคู่ได้มาเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวนี้ในรายการคุยแซ่บ Show
นักแสดงหนุ่ม ณัฏฐ์ เทพหัสดิน เล่าว่า ภรรยามอบเซอร์ไพรส์ 1 วันก่อนวันครบรอบแต่งงาน 1 ปี เป็นการบอกข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์ ตอนนั้นดีใจที่สุด เพราะรอมาทั้งปีจนท้อแท้ และวางแผนจะไปให้คุณหมอฉีดกระตุ้นไข่ แต่มามีข่าวดีเสียก่อน
พอตั้งครรภ์ก็มีเรื่องเครียดทันที ทั้งคู่เล่าว่า เริ่มจากการมีเลือดออก มีวันหนึ่งที่เลือดออกเยอะไหลออกมาตามขา จนทำให้คิดไปว่า น้องไม่อยู่กับเราแล้ว โดยภรรยาได้โทรหาเสียงสั่นบอกว่า เลือดออก ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูก เสียงสั่นมือสั่น อยากจะไปหาภรรยา
“วันนั้นผมต้องไปถ่ายละคร แล้วภรรยาโทรมา ผมให้น้องสาวมาดู พาไปโรงพยาบาล ผมได้แต่สวดมนต์ขอให้ลูกปลอดภัย ขอให้ลูกยังอยู่ พออัลตราซาวด์หมอบอกว่าลูกยังอยู่ ภรรยาโทรมาบอก ผมร้องไห้เลย เลือดที่ออกนั้นมาจากติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ซึ่งติ่งเนื้อเป็นสิ่งที่ผู้หญิงเป็นกันเยอะ คล้าย ๆ กับเนื้องอกที่อยู่ปากมดลูก แต่ตอนไม่ท้อง ติ่งเนื้อก็ไม่เป็นอันตราย พอท้องเหมือนฮอร์โมนไปเร่งให้โตขึ้น พอโตก็ไปขัดปากมดลูกทำให้ปากมดลูกไม่ปิด ซึ่งผู้หญิงที่ท้องปากมดลูกต้องปิดเพื่อไม่ให้เด็กหลุดออกมา ปกติเวลาตั้งครรภ์ต้องไปหาหมอเดือนละครั้ง แต่นี่ต้องไปหาหมออาทิตย์ละครั้งเพื่ออัลตราซาวด์ดู ฉีดยากันแท้งทุกอาทิตย์ในช่วง 3 เดือนแรก” ว่าที่คุณพ่อ เล่าอย่างละเอียด
ตอนนี้ก็ผ่านพ้นช่วงเวลาหนัก ๆ และตั้งครรภ์มาได้ 5 เดือนแล้ว ด้านคุณพ่อเห่อหนักมากต้องคุยกับลูกทุกวัน เปิดเพลงให้ลูกฟัง ทั้งยังดูโรงเรียนรอไว้แล้วด้วย ทางทีมงานก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก อันตรายแค่ไหน
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ สูตินรีแพทย์ ได้อธิบายถึงกรณีติ่งเนื้อที่ปากมดลูกว่า ติ่งเนื้อปากมดลูก หรือติ่งเนื้อเมือกปากมดลูก (Cervical polyp) เป็นติ่งเนื้อ/ก้อนเนื้อที่เจริญออกมาผิดปกติที่ปากมดลูก เป็นชิ้นเนื้อรูปร่างยาวคล้ายนิ้วมือ (Finger like) โดยติ่งเนื้อที่เจริญออกมาจากปากมดลูกนั้นมาจาก 2 แหล่ง
- เกิดจากการแบ่งตัวมากผิดปกติของเยื่อบุคอมดลูก (Endocervical polyp)
- การแบ่งตัวมากผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial polyp)
ส่วนมากติ่งเนื้อนี้จะอยู่ในโพรงมดลูกและบางครั้งมีขนาดยาวมากจึงอาจโผล่มาที่ปากมดลูกได้ มักพบในสตรีวัยหลังมีประจำเดือนและในสตรีวัยก่อนหมดประจำเดือนที่ยังตั้งครรภ์ (เช่น 40 ปี) และมักพบเกิดเพียงติ่งเนื้อเดียว แต่พบ 2 – 3 ติ่งเนื้อได้ สาเหตุของติ่งเนื้อที่ปากมดลูกเกิดจาก
- ภาวะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงในร่างกาย ทำให้มีการเจริญของเนื้อเยื่อที่ปากมดลูกมากผิดปกติ
- มีการอักเสบเรื้อรังที่บริเวณปากมดลูก/ปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง กระตุ้นให้เกิดเนื้อเยื่อที่ปากมดลูกเจริญผิดปกติ
- หลอดเลือดในปากมดลูกผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการเจริญผิดปกติของเนื้อเยื่อที่ปากมดลูก
การรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
แพทย์มักจะรักษาติ่งเนื้อปากมดลูกโดยการตัดติ่งเนื้อนั้นออก ยกเว้นติ่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่มาก แพทย์อาจต้องมีการผูกที่ขั้วของติ่งเนื้อหรือต้องจี้ด้วยไฟฟ้าที่ขั้วติ่งเนื้อก่อนตัดและหลังตัดติ่งเนื้อเพื่อหยุดเลือดออก
สำหรับแม่ท้องหรือหญิงตั้งครรภ์ แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่ดีที่สุด ถ้ามีเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดต่อไป
สาเหตุสำคัญที่ทำให้แท้งบุตร
นอกจากติ่งเนื้อที่ปากมดลูกแล้ว ยังมีสาเหตุการแท้งอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น
- โครโมโซมผิดปกติ พบว่ากว่าครึ่งของการแท้งที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เกิดจากโครโมโซมผิดปกติ โดยเฉพาะที่พบบ่อยคือ trisomy ที่ 13,16,18 และ 21
- การติดเชื้อ Gardanella vaginalis ซึ่งทำให้เกิดโรค bacterial vaginosis อาจจะเพิ่มการแท้งในไตรมาสที่ 2 ได้
- โรคที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น การเกิดภาวะ hypothyroidism, โรคเบาหวาน โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องใช้อินซูลิน และควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี
- การขาดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนหรือที่เรียกว่า luteal phase defect ซึ่งจะทำให้ corpus luteum สร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนได้ไม่เพียงพอ
- ภาวะโภชนาการที่บกพร่อง
- การสูบบุหรี่ ผู้หญิงที่สูบบุหรี่เกินกว่า 14 มวนต่อวัน จะเพิ่มการแท้งเป็น 2 เท่าของผู้หญิงที่ไม่สูบ
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ ผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งเป็น 2 เท่าของผู้หญิงที่ไม่ดื่ม
- การดื่มกาแฟ ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นถ้าดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เกิน 5 แก้วต่อวัน
- โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน บางอย่าง เช่น antiphospholipid syndrome
- ความผิดปกติของมดลูก หรือ ปากมดลูก มักจะพบในการแท้งไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะ incompetent cervix
วิธีดูแลร่างกายระหว่างตั้งครรภ์
- เลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารต้องอุดมด้วยธาตุเหล็กและโฟเลต เช่น ตับ เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อความพิการแต่กำเนิด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ แม่ท้องควรดื่มน้ำวันละ 10-12 แก้ว เพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น สารอาหารจากแม่ไปสู่ลูกทำได้ดีมีประสิทธิภาพ
- ทานยาและวิตามินตามที่แพทย์สั่ง โดยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญมาก คือ กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก ไอโอดีน และแคลเซียม
- ออกกำลังกาย เช่น เดิน ว่ายน้ำ แกว่งแขน แต่คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย ในกรณีที่คุณแม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ครรภ์แฝด หรือมีโรคประจำตัว แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามหากิจกรรมทำที่ผ่อนคลาย เพื่อให้นอนหลับได้สนิท
- ลดความเครียดในแต่ละวัน ความเครียดเป็นอันตรายกับลูกในท้อง เมื่อแม่กังวลหรือเครียด ร่างกายจะหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมา ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูกและรกเกิดการหดตัว จึงทำให้ปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปยังทารกในครรภ์ลดน้อยลงได้
สิ่งสำคัญคือการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้เหมาะสม และรีบไปฝากครรภ์ (ควรฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 3 เดือน) เพื่อติดตามการตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด
อ้างอิงข้อมูล : thebangkokinsight, med.cmu.ac.th และ haamor
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
20 แหล่ง อาหารโฟเลตสูง ครบทั้งผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ดีต่อแม่และลูกในท้อง
โรคหัดเยอรมัน อันตราย ที่คนท้องต้องระวัง ควรฉีดวัคซีนก่อนท้องนานแค่ไหน