2. คุณแม่ต้องคอยสังเกตขนาดหน้าท้องของคุณแม่ว่าโตขึ้นหรือไม่
วิธีนี้ใช้ร่วมกับวิธีแรก คือ ถ้าน้ำหนักคุณแม่ขึ้นดีตามเกณฑ์คือสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม หน้าท้องของคุณแม่จะโตขึ้น แต่ถ้าน้ำหนักคุณแม่ขึ้นแต่หน้าท้องไม่โตขึ้น ก็เป็นอาการที่บ่งบอกว่าไม่น่าไว้วางใจ คุณแม่จะต้องไปพบคุณหมอ อีกเช่นกัน การสังเกตการโตขึ้นของหน้าท้องอาจสังเกตไม่ได้ชัดเจนนัก ถ้าคุณแม่สังเกตทุกสัปดาห์ เพราะเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ห้าเดือนซึ่งความสูงของหน้าท้องจะ ประมาณระดับสะดือ จากนั้นหน้าท้องจะโตขึ้นประมาณสัปดาห์ละ 1 เซนติเมตร คุณแม่จะสังเกตได้ยาก ดังนั้นการสังเกตความสูงของหน้าท้องคุณแม่อาจใช้วิธีสังเกตทุกเดือน หรือทุก 4 สัปดาห์ หน้าท้องจะโตขึ้นประมาณ 4 เซนติเมตร ซึ่งสามารถสังเกตได้ชัด ถ้าหน้าท้องคุณแม่ไม่เพิ่มขึ้นเลยในช่วง 1 เดือน แสดงว่าต้องมีปัญหาแน่ๆค่ะ ต้องรีบไปหาคุณหมอโดยด่วนนะค่ะ
must read : ขนาดของทารกในครรภ์แต่ละสัปดาห์
3. วิธีการนับลูกดิ้น
วิธีนี้คุณแม่สามารถใช้ตรวจสุขภาพของลูกในครรภ์ได้ดีที่สุดและเป็นวิธีที่ ง่ายและให้ผลค่อนข้างแม่นยำ เมื่อลูกน้อยในครรภ์คุณแม่จะเริ่มดิ้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ในคุณแม่ครรภ์แรก และ 4 เดือนในคุณแม่ครรภ์หลัง คุณแม่ครรภ์หลังจะรับรู้ได้เร็วกว่าเพราะมีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน การดิ้นของลูกในครรภ์ หมายถึงการที่ลูกยังมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี แต่การนับลูกดิ้นควรเริ่มนับเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนเต็มไปแล้ว การนับก่อนหน้านี้อาจไม่มีประโยชน์ เพราะว่าลูกในครรภ์ยังตัวเล็กมากเกินไป ดิ้นยังไม่แรงเต็มที่ บางครั้งลูกดิ้นแต่คุณแม่ไม่รู้สึกว่าดิ้น ทำให้คุณแม่เกิดความวิตกกังวลและทำให้เกิดความเครียดได้ ดังนั้นคุณแม่ควรเริ่มนับลูกดิ้นเมื่ออายุครรภ์ครบ 6 เดือนเต็มไปแล้ว จะได้ค่าที่แม่นยำและเชื่อถือได้มากกว่า
must read : วิธีการนับลูกดิ้น
เป็นอย่างไรบ้างค่ะวิธีการตรวจสอบภาวะสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ด้วยตัวคุณแม่เอง คงไม่ยากเกินไปที่คุณแม่จะลองนำไปใช้ใช่ไหมค่ะ
ทั้งยังมีนอกจากเรื่องของการดูแลตัวเองจากปัจจัยภายนอกให้ดีและการหมั่นคอยสังเกตตรวจสอบภาวะสุขภาพเพื่อส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์แล้ว สิ่งที่จะทำให้คุณแม่รู้ได้ว่าทารกในครรภ์แข็งแรงสมบูรณ์มีสุขภาพดี โดยแพทย์สามารถใช้การตรวจดูได้หลายวิธี ดังนี้