กินเผื่อลูกในท้อง ช่วง 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เสี่ยงแท้ง!! - Page 2 of 2 - Amarin Baby & Kids
กินเผื่อลูกในท้อง

กินเผื่อลูกในท้อง ช่วง 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เสี่ยงแท้ง!!

Alternative Textaccount_circle
event
กินเผื่อลูกในท้อง
กินเผื่อลูกในท้อง

แม่ท้องกินเผื่อลูกในท้องมากเกินไป อันตรายขนาดไหน?

การที่แม่ท้องกินอาหารมากเกินไปจนเป็นสาเหตุให้มีน้ำหนักมากกเกินไปในระหว่างารตั้งครรภ์นั้น มีความเสี่ยงและอันตรายต่อทั้งแม่ท้องและลูกในท้องเป็นอย่างมาก โดยข้อเสียของการกินเผื่อลูก มีดังนี้

ในระยะยาว อาจทำให้แม่ท้องมีความเสี่ยงต่อโรคต่อไปนี้

  • เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
  • ภาวะซึมเศร้า เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลต่อสภาวะทางจิตใจ

แม่ท้องกินอย่างไรไม่ให้อ้วน?

  • เลือกกินอาหารมีประโยชน์ และกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เน้นอาหารประเภทโปรตีนเป็นหลัก เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่ว และกินวิตามินจากพืชผักและผลไม้ ไม่เน้นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
  • กินอาหารย่อยง่ายและมีกากใย เช่น โปรตีนจากเนื้อปลา และวิตามินจากผัก
  • เคี้ยวอาหารให้ละเอียดเพื่อช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เพราะขณะตั้งครรภ์ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จะทำให้ลำไส้บีบตัวช้าลง ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้น้อยลง คุณแม่ตั้งครรภ์จึงมีอาการท้องจะอืดและท้องผูกได้ง่ายกว่าปกติ
  • ดื่มนมไขมันต่ำ
  • เลี่ยงน้ำอัดลม และอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพทุกชนิด
คนท้องกินอย่างไรไม่ให้อ้วน
การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ลูกในท้องได้รับสารอาหารครบถ้วนกว่าการกินอาหารในปริมาณที่มาก

ต้องอย่าลืมว่าลูกในท้อง เมื่อคลอดออกมาแล้ว จะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 – 4 กิโลกรัมเพียงเท่านั้น บวกลบน้ำคร่ำที่อยู่ในท้อง อย่างไรน้ำหนักก็ไม่เกิน 5-6 กิโลกรัม ไม่รวมน้ำหนักของมดลูกและเต้านมที่ขยายใหญ่ขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำว่าน้ำหนักแม่ท้องควรจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10-15 กิโลกรัม ดังนั้น น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากนี้ คือน้ำหนักที่จะเหลืออยู่กับคุณแม่หลังคลอด ให้พวกเราต้องมาลดน้ำหนักหลังคลอดกันอีกนั่นเอง

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

10 อาหารที่คนท้องควรกิน พร้อมเมนูอร่อยสำหรับแม่และลูก

5 อาหารที่คนท้องไม่ควรรับประทาน (เลี่ยง ลด เลิก)

10 สุดยอด “อาหารบำรุงสมอง” ลูกน้อย

คุณแม่ ตั้งครรภ์ อย่างไร ไม่ให้อ้วน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.rcog.org.uk, โรงพยาบาลพญาไท

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up