แม้ว่า การฝังยาคุมกำเนิด จะเป็นวิธีที่ดี แต่สำหรับการที่จะเลือกใช้วิธีใดให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของผู้ขอรับบริการ ซึ่งควรจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ก่อน
- ลักษณะสม่ำเสมอของรอบเดือนเป็นอย่างไร
- ความถี่ห่างของการมีเพศสัมพันธ์เป็นอย่างไร
- ลักษณะงานของท่านที่จะทำให้ท่านสามารถทานยาได้ตรงเวลาหรือไม่
- การตั้งครรภ์ที่อาจจะเกิดขึ้น จะมีอันตรายต่อสุขภาพมากน้อยเพียงไร
- ยังต้องการมีบุตรอีกหรือไม่
- มีความเสี่ยงต่อการใช้ฮอร์โมนบ้างหรือไม่ เช่นกรณีที่ท่านสูบบุหรี่ อายุเกิน 35 ปี มีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวานหรือไม่
คำถามข้างต้นนั้นถือเป็นข้อที่จำเป็นที่สุดคือที่ต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อน เพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย
การเลือกวิธีคุมกำเนิด
- การเลือกวิธีคุมกำเนิดขึ้นกับปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่น สุขภาพ ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ จำนวนของคู่นอน ความต้องการมีบุตรในอนาคต
- วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ และปลอดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คือการไม่มีเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอควรจะใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีด ใส่ห่วง
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย ให้ใช้ถุงยางอนามัย
- ผู้ที่มีคู่นอนหลายคนหรือต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ใช้ถุงยางอนามัย
- ถ้าไม่แน่ใจว่าแฟนมีโรคติดต่อ หรือไม่ไม่ควรที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วย
- ผู้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการวางแผน เช่น ถูกข่มขืนควรใช้ยาคุมชนิดหลังร่วมเพศ
- นอกจากปัจจัยดังกล่าวยังต้องพิจารณาถึงประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดด้วยตารางแสดงประสิทธิภาพของการคุมกำเนิด
แต่กระนั้นแล้ว ในเมื่อวิธีการฝังยาคุม เป็น 1 ในวิธีการคุมกำเนิดที่ดีมีประสิทธิภาพสูง ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids จึงได้ไปเสาะแสวงหาข้อมูล และวิธีการฝังยาคุมกำเนิดมาแนะนำให้คุณแม่ๆ และคู่รักที่ยังไม่พร้อมจะมีลูกได้ทราบถึงขั้นตอนการคุมกำเนิดนี้ยังชัดแจ้ง จากรีวิวกระทู้ดีๆ กระทู้หนึ่งในพันทิป โดยมีสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า A life devote to Husband ได้มาทำการรีวิวให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการฝังยาคุมแบบละเอียดยิบ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจจะคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้
แต่ก่อนที่เราจะไปดูการรีวิวขั้นตอนการคุมกำเนิดด้วยการฝังยาคุม นั้นเรามาดูกันก่อนค่ะว่ายาคุมกำเนิดชนิดฝังใต้ผิวหนังเป็นอย่างไร
ยาฝังคุมกำเนิดสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างไร?
ยาฝังคุมกำเนิด มีลักษณะเป็นแท่งซิลิโคนเล็ก ๆ ขนาดเท่าไม้ขีดไฟ บรรจุตัวยาซึ่งจะประกอบด้วย ฮอร์โมนเพศหญิงโปรเจสตินเพียงชนิดเดียว จึงไม่มีผลข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจน เหมือนในยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม
- ในยาฝังคุมกำเนิดที่ชื่อ Implanon® จะเป็นฮอร์โมน Etonogestrel 68 มก. (มิลลิกรัม) แล้วค่อย ๆ ปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 70-60 ไมโครกรัม
- ส่วน Jadelle® จะเป็นฮอร์โมน Levonorgestrel 75 มก. ปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 100-40 ไมโครกรัม (ระดับฮอร์โมนจะสูงในช่วงแรก และค่อย ๆ ลดลงจนคงที่ในระยะเวลาต่อมา)
กลไกการป้องกันการคุมกำเนิด คือ ฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาจากแท่งยาฝัง จะไปมีผลทำให้ฟองไข่ไม่พัฒนา จึงไม่สามารถโตต่อไปจนตกไข่ได้ ทำให้ไม่มีไข่ที่จะรอผสมกับเชื้ออสุจิ จึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ฮอร์โมนนี้ยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น ทำให้เชื้ออสุจิว่ายผ่านเข้าไปได้ยาก จึงช่วยลดโอกาสเกิดการผสมกับไข่
ยาฝังคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดีมาก โอกาสการตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 ใน 100 ของผู้หญิงที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิด
ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิด
- สะดวกสบาย เมื่อไปรับการคุมกำเนิดวิธีนี้ สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา
- ไม่ต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวัน ลดโอกาสลืมกินยา หรือต้องไปฉีดยาคุม กำเนิดทุก 3 เดือน ลดโอกาสฉีดยาคลาดเคลื่อนไม่ตรงกำหนด
- ไม่มีผลข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นฝ้า
- เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงดังที่ได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้
- ลดอาการปวดประจำเดือน
- ป้องกันการหนาตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- ลดโอกาสเกิดอาการซีดจากการมีประจำเดือนมามากผิดปกติ จากมีการหนาตัวมากของเยื่อบุโพรงมดลูก
ข้อเสียของยาฝังคุมกำเนิด
ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงจากยาได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ
- มีประจำเดือนกะปริบกะปรอย
- ไม่มีประจำเดือน หรือเกิดภาวะขาดประจำเดือน
- อาจมีน้ำหนักตัวขึ้น
- ปวดแขนบริเวณที่ฝังแท่งยาคุมกำเนิด
- แผลที่ฝังยาเกิดการอักเสบ หรือมีรอยแผลเป็น
- อารมณ์แปรปรวน
- ปวด/เจ็บเต้านม
- มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูก (ท้องนอกมดลูก) หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น
- อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
ซึ่งหากคุณผู้หญิงต้องการมีลูกหรือเมื่อฝังยาคุมกำเนิดมาครบตามจำนวนเวลาที่ระบุแล้ว (3 หรือ 5 ปี) สามารถไปถอดยาฝังได้ตามโรงพยาบาลทั่วไป โดยแผลที่เกิดจากการถอดหลอดยา จะใหญ่กว่าตอนใส่เล็กน้อย และอาจได้รับการเย็บด้วยไหม 1 เข็ม ซึ่งก็มีการฉีดยาชาก่อนเสมอ ทั้งนี้การถอดยาฝังใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที และทำได้ที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลเช่นเดียวกับตอนใส่หลอดยาเช่นกัน และเมื่อถอดยาออก ภาวะในการเจริญพันธุ์ก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้ภายในระยะเวลาประมาณ 1-12 เดือนขึ้นกับความแข็งแรงและอายุของคุณผู้หญิงนั้น รวมทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการคุม กำเนิดก่อนหน้านี้ด้วย
อ่านต่อ >> “กระทู้ดีจากพันทิป! รีวิวการ คุมกำเนิดแบบฝังเข็ม 1 ในวิธีคุมกำเนิดที่ได้ผลที่ดีสุด” คลิกหน้า 3
ขอบคุณข้อมูลเรื่อง : ยาฝังคุมกำเนิด จาก รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ สูตินรีแพทย์ haamor.com , www.bangkokhealth.com , www.thaihealth.or.th
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่