คุณกำลังใช้ ยาคุมฉุกเฉิน บ่อยไปหรือเปล่า รู้ไหมว่าใช้มากไปโรคร้ายอาจมาเยือน จะรอให้ถึงวันนั้น หรือมาทำความรู้จักกับยากันอีกสักนิด รู้ไว้ปลอดภัยกว่า
ยาคุมฉุกเฉิน ผู้หญิงรู้ไว้ใช้บ่อยไปผลร้ายตกอยู่กับคุณ!
ก่อนอื่นเรามาเข้าใจวัตถุประสงค์ของยาคุมฉุกเฉินกัน ว่าใช้ป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ควบคุม ซึ่งผู้ใช้จำเป็นต้องทำความเข้าใจสรรพคุณของยา ผลกระทบหลังการใช้ และที่สำคัญคือการรับประทานยาอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้ปลอดภัย และทำให้ยามีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของมันอีกด้วย
ชื่อยาบอกอะไรแก่เรา
ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ชื่อยาก็เป็นตัวย้ำเตือนแก่เราแล้วว่า ควรใช้เมื่อยามฉุกเฉินเท่านั้น แล้วคำว่าฉุกเฉินคืออะไรบ้างละ
คำว่าฉุกเฉินจนควรต้องมีการทานยาคุมฉุกเฉินนั้น เราควรใช้ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ หรือมีความผิดพลาดจากการคุมกำเนิด เช่น ถุงยางรั่วหรือแตกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีการนับระยะปลอดภัยผิด หรือลืมกินยาคุมกำเนิดมากกว่า 3 วัน รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยินยอม เช่น ถูกข่มขืน เป็นต้น
การกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพราะแม้จะสามารถควบคุมการตั้งครรภ์ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้กินจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ 100% รวมถึงยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น เอดส์ นอกจากนี้ยายังอาจส่งผลกระทบต่อรังไข่และมดลูก รวมถึงกระตุ้นเซลล์มะเร็งได้
มาทำความรู้จักกับยาคุมฉุกเฉินกัน
ขึ้นชื่อว่า “ยา” แล้วก่อนใช้ เราควรทำความรู้จักส่วนประกอบ อ่านสรรพคุณ และวิธีการใช้ รวมถึงผลข้างเคียงของยา ให้เข้าใจดีเสียก่อนอยู่แล้ว ยาคุมฉุกเฉินก็เช่นกัน เราควรรู้ถึงเรื่องต่าง ๆ ให้ถ่องแท้ ถูกต้องเสียก่อน จะช่วยลดความเสี่ยงของการใช้ยาลงไปได้มาก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ยาให้สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ วันนี้ทาง ทีมแม่ ABK จึงได้นำความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินมาให้ได้รับทราบกันจาก คุณหมอ อ.นพ. วราวุฒิ สุขเกษม ภาควิชารังสีวิทยา คณะ
ใช้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงอันตรายได้
ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency contraception pill) ประกอบด้วยฮอร์โมนเพศโปรเจสตินชนิดเดียว (Progestin-only) และยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแบบฮอร์โมนคู่ ซึ่งสามารถป้องกันการตั้งท้องโดยไม่พร้อมได้ประมาณ 80-90 %
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในแผงจะประกอบไปด้วยยาขนาดเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม 2 เม็ด โดยควรกินยาเม็ดแรกทันที รีบกินให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพมากที่สุด และเม็ดที่สองห่างไปอีกไม่เกิน 12 ชั่วโมง หากไม่สามารถกินยาได้ทันที ก็สามารถกินหลังจากนั้นได้ แต่ไม่ควรเกิน 3 วันหรือ 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ เพราะอัตราความสำเร็จในการยับยั้งการตั้งครรภ์จะลดลงเรื่อย ๆ
รวมปัญหาคาใจ ตอบไว้ในที่เดียว กับการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- กินครั้งเดียวพร้อมกันทั้ง 2 เม็ด ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ได้เลยไหม?
ตอบ สามารถทำได้การทานยาทั้ง 2 วิธี ไม่ว่าจะทานพร้อมกันทั้งสองเม็ด หรือทานทีละเม็ดห่างกัน ประสิทธิภาพในการยับยั้งการตั้งครรภ์ก็ยังคงใกล้เคียงกันเหมือนเดิมทั้งสองวิธี สิ่งสำคัญกว่าการกินแบบไหนอยู่ที่ระยะเวลาในการทานยาหลังการมีเพศสัมพันธ์มากกว่าต้องเร็วพอ ถึงจะช่วยให้ยามีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ดี แต่การกินพร้อมกันทั้งสองเม็ดนั้น เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินเป็นฮอร์โมนโปรเจสโตรโลนระดับสูง จึงทำให้อาจมีภาวะผลข้างเคียงต่าง ๆ มากกว่าทานทีละเม็ดห่างกัน เช่น เกิดเลือดไหลทางช่องคลอด อาเจียน หรือปวดท้อง จึงควรระวังในจุดนี้
- ทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วเกิดอาเจียนต้องทำอย่างไร?
ตอบ ควรต้องกินยาซ้ำ หากอาเจียนหลังกินยา 2 ชั่วโมง
- ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อย ๆ ได้ไหม?
ตอบ ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินมากกว่า 2 แผง (4 เม็ด) ภายในรอบเดือนเดียว เนื่องจากยาจะส่งผลให้ระบบสืบพันธุ์สร้างฮอร์โมนผิดปกติ และการกินยาบ่อย ๆ อาจทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผล
- ยาคุมฉุกเฉินสามารถใช้คุมกำเนิดในระยะยาวได้ จริงไหม?
ตอบ เป็นความเข้าใจที่ผิดมาก เพราะยาคุมฉุกเฉินควรทานเฉพาะเวลาฉุกเฉินจริง ๆ อย่างชื่อของยา ไม่สามารถกินบ่อย ๆ หรือทานแทนยาคุมปกติได้ เนื่องจากว่า ยาคุมฉุกเฉินนี้ประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตรโลนสูง ซึ่งจะเป็นตัวที่ไปยับยั้งการบีบตัวของท่อนำไข่ ทำให้ไข่ที่ควรจะตกที่โพรงมดลูก ไปตกที่ปีกมดลูก เป็นภาวะของการท้องนอกมดลูก การทานบ่อยจึงเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงของการท้องนอกมดลูกได้
- ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาทำแท้ง ใช่หรือไม่?
ตอบ ยาตัวนี้ไม่ใช่ยาทำแท้ง เพราะไม่ช่วยทำให้เกิดการแท้งได้ แต่เป็นยาที่ไปยับยั้งการฝังตัวของตัวไข่ที่จะมาที่ผนังมดลูก ช่วยปรับผนังมดลูกให้ไม่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ และไปขัดขวางการเคลื่อนที่ของน้ำเชื้อของฝ่ายชาย โดยทำให้มีมูกมากขึ้น ดังนั้นหากมีการฝังตัวของไข่ไปแล้ว ถึงรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปก็ไม่ได้ช่วยทำให้ไม่ท้องได้
- ไม่รู้ว่าท้อง แต่ได้ทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว จะทำให้เด็กพิการไหม?
ตอบ ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่า การทานยาคุมฉุกเฉินจะทำให้เด็กพิการได้ แต่หากรู้ว่าตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินเด็ดขาด
- ทานยาคุมฉุกเฉิน แล้วช่วยป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือเปล่า?
ตอบ ยาตัวนี้ไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ หากต้องการป้องกันการเกิดโรค สามารถใช้วิธีการอื่นที่ให้ผลทั้งการคุมกำเนิด และการป้องกันการเกิดโรคติดต่อร่วมด้วย คือ การใส่ถุงยางอนามัย
- การคุมกำเนิดด้วยยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินนี้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% จริงหรือไม่?
ตอบ ไม่มีวิธีการใดที่จะป้องกันได้ 100% ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินก็เช่นกัน สิ่งสำคัญของยาคุมฉุกเฉินนี้อยู่ที่ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งเร็วเท่านั้น เพราะหากทานยาหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว อัตราความสำเร็จในการคุมกำเนิด อยู่ที่ประมาณ 85% หรือถ้าช้ากว่านี้อีกแต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์จะลดลงเหลือเพียง 75% ดังนั้นหากเริ่มยาเม็ดแรกช้า กว่า 72 ชั่วโมง จะมีโอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้นอย่างมาก จนอาจไม่ได้ผลเลย เพราะเกิดการฝังตัวของไข่ไปแล้ว จึงทำให้เห็นตัวอย่างมากมายที่แม้ทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วแต่ก็ยังคงตั้งครรภ์อยู่
อาการข้างเคียงและข้อควรระวัง
การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน มีผลกระทบข้างเคียงค่อนข้างสูง เนื่องจากฤทธิ์ของยามีผลต่อเยื่อบุโพรงมดลูก ภาวะผิดปกติหลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่พบบ่อยได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งมักพบหลังจากรับประทานยาไปไม่นาน
- ปวดศีรษะหรือปวดท้อง บางกรณีร่างกายอาจต่อต้านยาคุมหรือต้องปรับร่างกายตามฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะหรือปวดท้องได้
- ผลกระทบต่อเนื่องอาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ
- เสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูก เนื่องจากยาไปยับยั้งการบีบตัวของท่อนำไข่ ทำให้ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วไปฝังตัวนอกมดลูกได้
- ผลการศึกษาพบว่ายาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินอาจทำให้ขาดแคลเซียม ส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกพรุนในอนาคต
ก่อนใช้ยาทุกครั้งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร นอกจากนี้หากหลังจากรับประทานยาไปแล้วเกิดอาการผิดปกติ โดยเฉพาะหากมีเลือดออกทางช่องคลอด หรือประจำเดือนขาดหายไป รวมถึงสงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยภาวะผิดปกติ
รู้หรือไม่? กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ อันตราย!!
อ้นตรายต่อการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีไว้เพื่อการคุมกำเนิดระยะยาว และเมื่อกินบ่อยครั้งหรือกินติดต่อกันนานๆ ยังส่งผลให้ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพลดลง หรือทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงขึ้น
อันตรายต่อการเพิ่มความเสี่ยงของคุณผู้หญิง
ปริมาณฮอร์โมนเพศหญิงในยาคุมฉุกเฉินที่สูงกว่ายาคุมกำเนิดแบบปกติถึง 2 เท่า ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่าง ๆ ต่อคุณได้ เช่น เพิ่มโอกาสเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเต้านม เป็นต้น
ยาคุมฉุกเฉิน แม้ว่าจะสะดวก ง่ายต่อการหาซื้อ แต่ภัยร้าย อันตรายก็แฝงอยู่มากเช่นกัน หากใช้ผิดวิธี หรือบ่อยจนเกินไป ดังนั้นผู้หญิงอย่างเรา ๆ จึงควรระวังกันเสียหน่อย เพราะหากไม่ฉุกเฉินจริง ๆ แล้ว ก็ควรหาวิธีคุมกำเนิดในแบบอื่นที่ให้ประสิทธิภาพได้ดีกว่า ซึ่งมีมากมาย เช่น การใส่ถงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด การทานยาคุมกำเนิด เป็นต้น ซึ่งวิธีดังกล่าวปลอดภัย และยังไม่ต้องทิ้งความเสี่ยงไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่งด้วย
ขอขอบคุณคลิปดี ๆ และข้อมูลอ้างอิงจาก RAMA CHANNEL / samitivijhospital.com / paolohospital.com
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่