ยาคุมกำเนิด กับยาชนิดอื่นๆ กินร่วมกันแล้วไม่ได้ผลจริงหรือ?

ยาคุมกำเนิด กับยาชนิดอื่น กินร่วมกันแล้วไม่ได้ผล

Alternative Textaccount_circle
event

ยาที่ทำให้ฤทธิ์ยาคุมกำเนิดเพิ่มขึ้น

ยาคุมกำเนิด1.Ascorbic acid (Vitamin C) เกิดการแข่งขันแย่งกันทำปฏิกิริยาซึ่งทำให้ยาฮอร์โมนหมดฤทธิ์ ทำให้มียาฮอร์โมนที่เกิดปฏิกิริยาแล้วหมดฤทธิ์ในร่างกายมีน้อยลง และมีฮอร์โมนที่ยังอยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์สูงมากขึ้น ไม่มีความสำคัญในแง่ฤทธิ์ยา แต่มีความสำคัญคืออาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากยาฮอร์โมนที่มีระดับเพิ่มขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, เวียนศีรษะ

2.Acetaminophen (Paracetamol) เกิดการแข่งขันแย่งกันทำปฏิกิริยาซึ่งทำให้ยาฮอร์โมนหมดฤทธิ์ ทำให้มียาฮอร์โมนที่เกิดปฏิกิริยาแล้วหมดฤทธิ์ในร่างกายมีน้อยลง และมีฮอร์โมนที่ยังอยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์สูงมากขึ้น ไม่มีความสำคัญในแง่ฤทธิ์ยา แต่มีความสำคัญคืออาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากยาฮอร์โมนที่มีระดับเพิ่มขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, เวียนศีรษะ

banner300x2503.Atazanavir (Reyataz) เกิดการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ขับยาฮอร์โมนออกจากร่างกาย ทำให้มีระดับยาฮอร์โมนในร่างกายสูงขึ้น ไม่มีความสำคัญในแง่ฤทธิ์ยา แต่มีความสำคัญคืออาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากยาฮอร์โมนที่มีระดับเพิ่มขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, เวียนศีรษะอาจต้องพิจารณาเปลี่ยนเป็นยาฮอร์โมนโดสต่ำ ๆ หรือเลือกใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นแทน

วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นๆ

ถ้าคุณแม่จำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้จริงๆ และรู้ดีว่าประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดต้องลดลงอย่างแน่นอน ให้ลองเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อเป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือควรเว้นระยะห่างการมีเพศสัมพันธ์ หลังจากที่รับประทานยาที่ทำให้ยาคุมกำเนิดลดลง 4 สัปดาห์

ยาคุมกำเนิดเครดิต: ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

กินยาคุม ทำไมยังท้องได้

คุมกำเนิดหลังคลอด ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ให้นม

ความเข้าใจผิด และถูกเรื่องการคุมกำเนิด

Save

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up