การทำหมันหญิง (Tubal ligation หรือ Female surgical sterilization) เป็นการคุมกำเนิดชนิดหนึ่ง โดยการทำให้ท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้างอุดตัน มีผลให้ตัวอสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้ การทำหมันหญิง แบบนี้จะมีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และมีอัตราการล้มเหลว (การตั้งครรภ์หลังการผ่าตัด) ต่ำ (0.5-0.7%) เหมาะสำหรับผู้ที่มีบุตรเพียงพอแล้ว หรือมีข้อห้ามในการตั้งครรภ์ หรือมีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมน
ซึ่งภายหลังการทำหมันก็สามารถทำงานได้ตามปกติ เพียงแต่ห้ามยกของหนักในช่วง 3-4 วันแรกเท่านั้น ไม่มีข้อห้ามอื่น ๆ สามารถร่วมเพศได้เลย เพราะให้ผลในการคุมกำเนิดแบบทันที ไม่ต้องรอนาน 3-4 เดือนเหมือนที่เข้าใจกัน โดยสามารถแบ่งการทำหมันออกได้เป็น 4 วิธี ดังนี้
1. การทำหมันหลังคลอด (การทำหมันเปียก)
เป็นการทำหมันภายใน 6 สัปดาห์แรกหลังการคลอดบุตร โดยนิยมทำในช่วง 48 ชั่วแมงแรกหลังการคลอดบุตร เนื่องจากสามารถทำได้โดยง่าย แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก เนื่องจากมดลูกยังมีขนาดโตลอยอยู่ในช่องท้องเหนืออุ้งเชิงกราน จึงทำให้สามารถหาท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้างได้ง่าย วิธีที่นิยมทำกันก็คือ การลงแผลผ่าตัดใต้สะดือ ขนาดแผลยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร แล้วทำการผูกท่อนำไข่และตัดท่อนำไข่บางส่วนออกทั้งสองข้าง เมื่อทำเสร็จแล้วต้องนอนพักโรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน จึงจะกลับบ้านได้ หลังผ่าตัดประมาณ 6-7 วัน จึงมาตัดไหม
ส่วนคนที่ผ่าท้องคลอด แพทย์จะทำหมันไปพร้อมกันเลย จะได้ไม่ต้องมาทำใหม่อีก ซึ่งจะต้องนอนพักในโรงพยาลประมาณ 4-5 วัน และแพทย์ส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทำหมันด้วยวิธีนี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว เพราะฉะนั้นผู้ที่คิดจะทำหมันด้วยวิธีนี้จะต้องคิดและตัดสินใจให้แน่วแน่ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ เมื่อคลอดเสร็จจะได้ทำหมันได้เลย
2. การทำหมันปกติ (การทำหมันแห้ง)
เป็นการทำหมันในระยะที่ไม่ใช่ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังการคลอดบุตร มดลูกจะมีขนาดปกติและอยู่ในอุ้งเชิงกราน การผ่าตัดจึงมีความยากในการหาท่อนำไข่มากกว่าการทำหมันเปียก แต่ก็ใช้เวลาทำไม่นาน เพียงแค่ 10-15 นาที เมื่อทำเสร็จแล้วหมอจะให้นอนพักประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็กลับบ้านได้เลย พร้อมกับให้ยาแก้ปวดไปกิน อีกประมาณ 6-7 วันจึงค่อยกลับมาให้หมอตัดไหม . . . ซึ่งการทำหมันแห้งก็สามารถทำได้โดย
การผ่าตัดหน้าท้อง (Laparotomy)
และการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopy)
อ่าน >> วิธีการทำหมันแบบที่ 3 และ 4 ต่อ คลิ๊กเลย