ประจำเดือนสีดำ ผิดปกติไหม ร่างกายกำลังเตือนอะไรเราอยู่ ใช่เลือดล้างหน้าเด็กไหม หรือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังจะมีข่าวดี ได้เป็นแม่มีเจ้าตัวน้อยเป็นสมาชิกใหม่
ประจำเดือนสีดำ หรือเลือดล้างหน้าเด็ก จะมีข่าวดีหรือผิดปกติกันนะ?
ประจำเดือน หมายถึง การมีเลือดออกมาช่องคลอดประจำทุกเดือน เป็นอาการแสดงความพร้อมของร่างกายสู่การเจริญพันธ์ุ ประจำเดือนเกิดจากการที่สมองหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองมากระตุ้นรังไข่ให้สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น เพื่อเตรียมรอการฝังตัวของตัวอ่อน ในแต่ละเดือนจะมีไข่ตกเดือนละ 1 ฟอง หากไม่มีการปฏิสนธิ หรือการตั้งครรภ์เกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกที่เตรียมไว้รอรับตัวอ่อนก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน
แบบไหนเรียกว่า “ประจำเดือน” มาปกติ???
- ผู้หญิงมีประจำเดือนทุก ๆ 28-30 วัน (หรืออยู่ในช่วง 21-35 วัน)
- ผู้หญิงมีประจำเดือนมา 3-5 วัน หรือไม่ควรมาเกิน 7 วัน
- ปริมาณประจำเดือนที่ออกมาในแต่ละวันไม่ควรเกิน 80 cc. หรือเทียบได้กับปริมาณการเปลี่ยนผ้าอนามัย 4 แผ่นต่อวัน (มีเลือดชุ่มเต็มแผ่น)
ประจำเดือนสัญญาณเตือนบอกโรค!!
ประจำเดือนมาไม่ปกติบอกอะไรเรา
- หากประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจเป็นสัญญาณบอกการเกิดภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovarian Syndrome) เป็นความผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่พบบ่อยในผู้หญิงช่วงอายุ 18-45 ปี เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนหลายตำแหน่งรวมทั้งที่รังไข่ ทำให้มีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ อาการแสดงของฮอร์โมนเพศชายเกิน เช่น หน้ามัน สิวขึ้นง่าย ขนดก เป็นต้น
- รังไข่เสื่อมก่อนกำหนด
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.siphhospital.com
สีประจำเดือนบอกโรค!!
การทำนายโรคจากสีของประจำเดือนที่มีการกล่าวถึงกันอย่างมากมายนั้น เราควรเชื่อหรือไม่ มาฟังคำตอบของ พญ.จุฑาธิป พูนศรัทธา สูตินารีเวชวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี ได้กล่าวไว้ดังนี้
สีประจำเดือนนั้น ผู้หญิงหลายคนมักมีคำถามว่า ประจำเดือนที่มานั้น บางครั้งเป็นสีแดงสด บางครั้งสีคล้ำเข้มไปจนถึงเกือบดำ หรือบางทีมีลิ่มเลือดออกมาด้วย สีและลักษณะเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วบ่งบอกถึงอันตรายอะไรหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว ประจำเดือนที่ “ปกติ” สามารถมีสีที่ต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็น สีแดงสด แดงเข้ม น้ำตาล ไปจนถึงสีคล้ำเกือบดำ โดยเลือดที่ออกมาใหม่ ๆ จะเป็นสีแดงสด แต่บางครั้งเมื่อเลือดออกมาแล้ว ยังตกค้างอยู่ในโพรงมดลูกหรือช่องคลอดก่อนจะออกมาสู่ภายนอก จากสีแดงสดก็จะเริ่มคล้ำ จนกลายเป็นสีน้ำตาลหรือดำได้ สิ่งที่คุณผู้หญิงควรกังวล ไม่ได้อยู่ที่สีของประจำเดือน แต่ให้สังเกตอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงบางภาวะหรือโรคต่าง ๆ เช่น
- มีเลือดออก ร่วมกับประวัติประจำเดือนขาด มาช้า หรือมาน้อยกว่าปกติ ให้สงสัยว่าอาจตั้งครรภ์ หากตั้งครรภ์แล้วมีเลือดออก ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร ควรมาพบแพทย์
- มีเลือดออกสีแดงสด หรือสีคล้ำ มาไม่ตรงรอบประจำเดือน ปริมาณไม่มาก มีอาการตกขาวร่วมด้วย อาจมีการติดเชื้อที่ปากมดลูก หรือมดลูก
- เลือดออกเป็นสีแดงสด ร่วมกับประจำเดือนมามาก มานานกว่าปกติ หากเป็นแบบนี้หลาย ๆ เดือน ให้ระวังอาจมีติ่งเนื้อหรือเนื้องอกในมดลูก
- เลือดเป็นสีแดงจาง ๆ ปริมาณน้อย กะปริดกะปรอย อาจเกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิด วัยใกล้หมดประจำเดือน หรือเป็นเลือดออกช่วงกลางรอบเดือนที่เกิดจากการมีไข่ตกได้
- เลือดเป็นสีเทา สีปนเขียว ๆ ข้น ร่วมกับตกขาวมาก มีปวดท้องน้อย หรือมีไข้ร่วมด้วย เป็นอาการบ่งบอกถึงการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
อย่างไรก็ตาม หากมีเลือดออกผิดปกติ ร่วมกับอาการต่าง ๆ ที่กล่าวไป อย่าลังเลใจ ให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาต่อไป
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.vejthani.com
ประจำเดือนสีดำ กับ เลือดล้างหน้าเด็ก
อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า สีของประจำเดือนอาจมีสีที่แตกต่างได้ ขึ้นอยู่กับการตกค้าง และระยะเวลาของเลือดที่อยู่ในร่างกาย หากเป็นเลือดที่ค้างอยู่หลายวันก็อาจเกิดสีคล้ำขึ้น เป็นประจำเดือนสีดำได้ โดยให้เราสังเกตจากอาการข้างเคียงร่วมด้วยในการสังเกตว่าร่างกายผิดปกติหรือไม่
ประจำเดือนสีดำ ที่น่ากังวล!!
หากประจำเดือนของคุณมีสีดำ และมาพร้อมกับประจำเดือนมาน้อย มีกลิ่นเหม็น อาจต้องทำการปรึกษาแพทย์ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อรา หรือแบคทีเรียภายในช่องคลอด
ประจำเดือนสีดำ มาน้อย ๆ ใช่สัญญาณการตั้งครรภ์??
ในบางครั้งเราอาจจะพบว่ามีเลือดออกเปื้อนกางเกงชั้นใน เหมือนเป็นประจำเดือนสีดำ สีเข้มคล้ำ จนเกิดข้อสงสัยว่ารอยเปื้อนนั้น คือ ประจำเดือน หรือ เลือดล้างหน้าเด็ก ก่อนตั้งครรภ์ กันแน่นะ
เลือดล้างหน้าเด็ก ทางแพทย์มีศัพท์เฉพาะว่า “Implantation bleeding” คือ อาการที่มีเลือดออกมาจากช่องคลอดแบบกระปริบกระปรอยแต่ไม่ใช่ประจำเดือน เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอทุก ๆ 28 วัน จะมีการตกไข่ในช่วงประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน (นับจากการมีประจำเดือนวันแรก) เมื่อมีเพศสัมพันธ์กัน ไข่ถูกผสมกับตัวอสุจิแล้วมีการปฏิสนธิเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 12-24 ชั่วโมงหลังไข่ตก หลังจากนั้นไข่ที่ถูกผสมแล้ว (Zygote) จะเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนเรื่อย ๆ (Blastocyst) และเดินทางต่อไปยังมดลูกเพื่อฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูก จากการฝังตัวนี้เอง ในบางครั้งอาจทำให้มีหลอดเลือดเล็ก ๆ ในผนังมดลูกแตกจึงทำให้มีเลือดออกมาทางช่องคลอดได้ ซึ่งจะเกิดหลังตกไข่ประมาณ 6-12 วัน ขณะที่ประจำเดือนจะเกิดขึ้น 14 วันหลังจากไข่ตก สองเหตุการณ์นี้ คือเลือดประจำเดือนและเลือดล้างหน้าเด็กเกิดช่วงเวลาใกล้เคียงกันทำให้เกิดความสับสนได้
สรุปความแตกต่างระหว่างเลือดล้างหน้าเด็ก กับประจำเดือน
ความแตกต่าง |
เลือดล้างหน้าเด็ก |
ประจำเดือน |
ระยะเวลาที่มีเลือดออก | พบเลือดไหลออกทางช่องคลอดเร็วกว่า โดยจะพบประมาณ 6-12 วัน หรือเฉลี่ย 9 วันหลังไข่ตก | พบเลือดไหลออกทางช่องคลอด ประมาณ 14 วันหลังไข่ตก |
ลักษณะเลือดที่ออก | จะมีออกมาเพียงเล็กน้อย กะปริดกะปรอย หรือแค่หยดเลือดเป็นรอยเปื้อนกางเกงชั้นใน และหยุดไปเอง | มีเลือดออกมากกว่า มาหลายวัน |
สีเลือด | สีเลือดล้างหน้าเด็กจะเป็นสีชมพูจาง ๆ ไม่เป็นสีแดงสด และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม สีสนิมแบบน้ำตาลอมแดง หรือเป็นสีดำ | จะมีสีแดงสดใส หรือสีแดงเข้ม |
ระยะเวลาที่เลือดออก | จะอยู่นานแค่ 1 หรือ 2 วัน | จะเป็นนาน 3-5 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน |
เลือดล้างหน้าเด็ก จะเกิดขึ้นในการตั้งครรภ์เพียงประมาณ 1 ใน 3 หรือเพียงร้อยละ 30 ผู้หญิงที่ตั้งท้องครั้งแรกมีความเป็นไปได้ที่จะมีเลือดล้างหน้าเด็ก มากกว่าตั้งท้องครั้งหลัง ๆ เนื่องจากเคยมีการฝังตัวของตัวอ่อนมาก่อนแล้ว
เลือดออกทางช่องคลอดอาจมาจากสาเหตุอื่น!!
อาการเลือดออกทางช่องคลอดอาจเกิดมาจากสาเหตุอื่นได้ด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุที่อาจทำให้เกิดเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงตั้งครรภ์ได้แก่
- การมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือการใช้สิ่งแปลกปลอมสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศขณะที่เพศสัมพันธ์ก็อาจทำให้ภายในช่องคลอดเกิดการฉีกขาดจนทำให้เลือดออกทางช่องคลอดได้ แต่ถ้าหากเป็นสตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงจนทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น และการมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้เช่นกัน
- การคุมกำเนิด การรับประทานยาคุมกำเนิด หรือการใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย สามารถทำให้เลือดออกทางช่องคลอดได้ โดยเฉพาะการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติได้ด้วย
- การติดเชื้อหรือการอักเสบของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อในบริเวณอุ้งเชิงกรานซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอดได้ โดยเฉพาะโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคซิฟิลิส หนองใน หรือกามโรคอื่น ๆ
- การทำงานที่ผิดปกติของมดลูกและโรคทางระบบสืบพันธ์ อาทิเช่น โรคกลุ่มอาการรังไข่ที่มีถุงน้ำหลายใบ (PCOS) ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือรอบเดือนมีความผิดปกติ ก็อาจพบเลือดออกจากช่องคลอดได้
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก ถือเป็นความผิดปกติที่ค่อนข้างอันตรายทั้งกับแม่และเด็ก ซึ่งภาวะนี้จะก่อให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและมีเลือดออกมามากผิดปกติ ถ้าหากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้
- การแท้ง อาการเลือดออกและปวดท้องอย่างรุนแรง เป็นสัญญาณอันตรายของภาวะแท้งที่ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ทุกคนควรระมัดระวัง และหากเกิดอาการขึ้นควรรีบพบแพทย์ในทันที
การมีเลือดล้างหน้าเด็กนั้น บ่งบอกการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ผู้หญิงก็สามารถตั้งครรภ์โดยไม่มีเลือดล้างหน้าเช่นกัน หลังการฝังตัวที่มีเลือดล้างเด็กออกมาประมาณ 3-4 วัน สามารถไปตรวจเลือดเพื่อทราบการตั้งครรภ์ได้ หรืออาจตรวจปัสสาวะได้ผลบวก ประมาณ 5-6 วันหลังหลังจากนั้น
ดังนั้น ผู้หญิงที่ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นประจำเดือน หรือจะเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก ควรจะรอประมาณ1 สัปดาห์หลังมีเลือดออกวันแรกเพื่อจะตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์จะได้ผลตรวจที่แน่นอนกว่า
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.lovecarestation.com/www.pobpad.com
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ประจำเดือนเป็นก้อน เป็นลิ่มเลือด เกิดจากอะไร อันตรายมั้ย ต้องรู้!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่