เรามักจะได้ยินคำว่า “เกิดมา ครบ 32 ก็ดีแล้ว” คำว่า “ครบ 32” นั้นหมายถึงอวัยวะใดบ้าง ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าเกิดมาแล้วมี แขน ขา ตา จมูก ปาก หู หรืออวัยวะ ที่เราเห็นๆ กันภายนอก แต่คำนี้นั้นมีที่มา ซึ่งคำว่า ครบสามสิบสอง พจนานุกรม ฉบับมติชน แปลความหมายว่า มีอวัยวะครบทุกส่วน ไม่มีส่วนใดขาดหรือเกิน
ทั้งนี้อวัยวะครบ 32 ที่พูดถึงคือ อวัยวะทางการทำสมาธิ ไม่ใช่ จำนวนอวัยวะจริง เป็นคำที่มาจากคติในทางพระพุทธศาสนา ที่ถือว่าร่างกายของคนเราสามารถพิจารณาจำแนกออกเป็นธาตุทั้ง 4 คือ
- ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน)
- อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ)
- เตโชธาตุ (ธาตุไฟ)
- วาโยธาตุ (ธาตุลม)
ในจำนวนธาตุทั้ง 4 นี้ มีอยู่ 2 ธาตุ ที่สามารถจับต้องได้ คือ ปฐวีธาตุ กับ อาโปธาตุ
ปฐวีธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะแข้นแข็ง มี 19 อย่าง ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า กับ มันสมอง อีก 1 อย่าง รวมเป็นทั้งหมด 20 อย่าง
ส่วน อาโปธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะเอิบอาบ มี 12 อย่าง ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร หากเรานับรวม ปฐวีธาตุ และ อาโปธาตุ ก็จะได้ 32 อย่าง เราจึงเรียกว่า อาการ 32 ซึ่งตรงกับภาษาบาลีว่า ทวัตติงสาการ
คำว่าอาการ 32 จึงมิได้หมายถึงอวัยวะ 32 ส่วน อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่หมายถึงส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายของเราตามที่อธิบายไว้เบื้องต้น
การพิจารณาร่างกายแยกเป็นส่วน ๆ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า อาการ 32 นี้ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ธาตุกัมมัฏฐาน คือ กรรมฐานที่พิจารณาธาตุเป็นอารมณ์ โดยกำหนดพิจารณากายนี้แยกเป็นส่วน ๆ ให้เห็นว่าเป็นเพียงธาตุ 4 แต่ละอย่างไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
คำว่า อาการ 32 นี้ เป็น 1 ในคำที่มาจากพระพุทธศาสนาหลายคำที่ใช้กันโดยทั่วไปในภาษาไทย ด้วยเหตุที่ประเทศไทยมีประชาชนนับถือพระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ และนับถือติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี คำศัพท์เหล่านี้จึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทย และอาจมีการกลายความหมายจากเดิมไปบ้าง สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อข้องใจในการใช้ภาษาไทยติดต่อได้ที่ ราชบัณฑิตยสถาน โทร.0-2356-0466-70, http://www.royin.go.th
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- 3 วิธี สร้างบุญ บารมี ให้ลูกก่อนเกิด!
- คาถาคลอดลูกง่าย แคล้วคลาดปลอดภัย จากบทอังคุลิมาลสูตร
- 12 เรื่องจริง! เกี่ยวกับทารกและการตั้งครรภ์ ที่คุณแม่ท้องเองก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน!!
ขอบคุณข้อมูลจาก :www.doctor.or.th , www.ryt9.com , www.thaihealth.or.th และ xn--42cgsa4cva6cs2icn0t.blogspot.com