จากประสบการณ์ของคุณแม่ ที่ได้ให้กำเนิดลูกน้อยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นการคลอดลูกคนที่ 3 โดยเร่งคลอด เจาะถุงน้ำคร่ำ และเหน็บยาเร่งคลอด หนูน้อยต้องอยู่ในห้องไอซียู หายใจติดขัด มีไข้ เพราะมีน้ำในสมองเล็กน้อย และคุณแม่ตกเลือด เนื่องจาก ขาดโฟลิก
ขาดโฟลิก มีผลต่อคุณแม่และลูกน้อย
คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วไปฝากท้องที่โรงพยาบาลในประเทศไทย คุณหมอให้โฟลิก และวิตามินมาให้ แต่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ก็เกิดอาเจียนอย่างหนัก ตอนแรกคุณแม่ก็คิดว่าแพ้ท้องปกติ แต่เมื่อรับประทานโฟลิกเม็ดที่ 2 คุณแม่ก็รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นลม คุณพ่อสงสารจึงให้หยุดรับประทาน ประกอบกับต้องขึ้นเครื่องบิน เดินทางอยู่บ่อยๆ ตอนท้องอ่อนๆ เพราะสามีอยู่สิงคโปร์ ต้องเดินทางเดือนละ 3 – 4 ครั้ง
หลังจากนั้น คุณแม่ก็ไปฝากท้องที่สิงคโปร์ ซึ่งตอนนั้นอายุครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือนแล้ว ก็ได้รับยาจากคุณหมอที่นั่น แต่ไม่มีโฟลิกให้ เมื่อเข้าเดือนที่ 5 คุณแม่ก็ย้ายมาฝากครรภ์อีกโรงพยาบาลในสิงคโปร์ อัลตร้าซาวนด์ปกติดี แต่เมื่อเข้าเดือนที่ 6 – 7 คุณหมอกลับพบว่าลูกน้อยมีถุงน้ำในสมองด้านท้าย ขนาด 10.1 มิลลิเมตร เมื่อคุณพ่อ คุณแม่รู้เข้าก็ร้องไห้เสียใจ แต่ก็รีบตั้งสติดูแลตัวเป็นอย่างดี ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อรอวันที่ลูกคลอด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
คุณแม่เล่าต่อว่า วันคลอดคุณหมอได้ให้ยาเร่งคลอด ลูกน้อยเกิดมาได้ไม่ถึง 10 นาที ก็ต้องเข้าห้อง ICU คุณหมอบอกว่า ลูกน้อยหายใจเองไม่ได้ เพราะมีน้ำในปอด และในสมอง จนต้องใช้เครื่องออกซิเจน และอบร้อนในอุณหภูมิอุ่นๆ เปิดไฟส่องไว้ 5 วัน
เหตุการณ์หลังคลอด คุณแม่เล่าว่าลูกน้อยหายใจได้ดีขึ้น แต่อาจจะมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ
หลังจากนั้น อาการของลูกน้อยก็ดีขึ้นตามลำดับ หนูน้อยสามารถหายใจเองได้แล้ว โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน หรือเครื่องช่วยให้หายใจ และรอผลเอกซเรย์ เพื่อตรวจผลน้ำในสมองอีก 2 วัน คุณหมอบอกว่าหนูน้อยอาจจะกลับบ้านได้ คุณแม่ก็ดีใจ ยิ่งตัวคุณพ่อยิ่งดีใจ เพราะคุณพ่อจะร้องไห้ตลอดทุกครั้งที่ไปเยี่ยมลูกน้อย คิดว่าเป็นเพราะตัวเองที่ไม่ให้คุณแม่รับประทานโฟลิก และวิตามินบำรุง
หลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 5 วัน หนูน้อยก็สามารถขับน้ำในสมองออกได้จนหมด โดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะสามารถขับออกทางท้ายทอยลงสู่กระดูกสันหลังได้ (เด็กบางคนท่อกระดูกอาจตัน ไม่สามารถขับออกได้ ก็อาจจะต้องต่อท่อ)
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
หลังจากนั้นคุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ คุณแม่ก็ดีใจ จนน้ำตาไหล และฝากเตือนคุณพ่อ คุณแม่คนอื่นๆ เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าโฟลิกนั้นสำคัญมาก
คุณแม่ฝากแนะนำมาว่า ให้เห็นความสำคัญของการฝากท้องตั้งแต่เนิ่นๆ การบำรุงครรภ์ การรับประทานยาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนท้อง อย่าขาดโฟลิก และต้องไม่ลืมกินโฟลิกอย่างเด็ดขาด เพราะโฟลิกมีผลโดยตรงต่อสมอง มีผลกับลูกน้อย ถ้าคุณหมอไม่ได้ให้โฟลิกมารับประทาน คุณแม่ก็อาจจะซื้อมารับประทานเองจากคำแนะนำของคุณหมอได้
ความสำคัญของโฟลิก สำหรับคุณแม่ก่อนท้อง
ถ้าคุณแม่ ได้ศึกษาหาข้อมูลสำหรับเตรียมตัว และเตรียมความพร้อมก่อนท้องแล้ว คุณแม่จะทราบว่ามี ว่าที่คุณแม่หลายคน นิยมรับประทานกรดโฟลิก เตรียมเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
กรดโฟลิก เป็นสารที่ช่วยในการสังเคราะห์ และซ่อมแซมดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นแม่พิมพ์สร้างกรดอะมิโนที่เป็นองค์ประกอบของเซลล์ ฮอร์โมน เนื้อเยื่อ และอวัยวะ ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถสร้างโฟลิกขึ้นมาเองได้ จึงจำเป็นต้องรับประทานเข้าไป
ว่าที่คุณแม่ที่มีกรดโฟลิกสูงพอสำหรับการมีลูกน้อย เปรียบเสมือนกับบ้านที่พร้อมเข้าอยู่ เมื่อมีการปฏิสนธิลูกน้อยจะนำสารอาหารจากคุณแม่ไปสร้างอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้ตั้งแต่ในครรภ์
ปริมาณในการรับประทานกรดโฟลิก หรือวิตามินอื่นๆ ในการตั้งครรภ์ของคุณแม่ มีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน ไม่ควรซื้อมารับประทานเอง การรับประทานยาและอาหารเสริมทุกประเภทควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะการสั่งยาสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จะวินิจฉัยจากปัจจัยหลายๆ อย่าง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อาการของคนขาดโฟลิก
1.โลหิตจาง ขนาดเม็ดเลือดแดงใหญ่กว่าปกติ เม็ดเลือดแดงที่ไม่โตเต็มที่เข้าไปในกระแสเลือด
2.ความพิการทางสมอง มีความผิดปกติในการสร้างหลอดประสาท มีผลต่อไขสันหลัง และสมอง เกิดขึ้นในระยะแรกของการพัฒนาตัวอ่อนในครรภ์ เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เกิดปัญหา โดยภาวะรุนแรงที่สุด คือ สมองทั้งหมดอาจขาดหายไป และที่พบบ่อยที่สุด คือ กระดูกสันหลังไม่เชื่อมกันเป็นวงแหวน ทำให้ของเหลวในไขสันหลังดันช่องกระดูกสันหลังที่ปิดไม่สนิทโป่งออกมา ซึ่งความพิการนี้เกิดจากการขาดโฟลิกในช่วงก่อนตั้งครรภ์ และช่วงแรกของการตั้งครรภ์
3.มีสารโฮโมซีสเตอีนสูงเกินปกติ และมีการทำลายหลอดเลือดในที่สุด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ไขมันอุดตันในหลอดเลือดสมอง เกิดภาวะเลือดแข็งตัวเป็นก้อน อุดตันทางเดินของกระแสเลือด บริเวณรอบนอกตามแขน ขา อาจส่งผลให้มีภาวะโคเลสเตอรอลสูง โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเบาหวานได้
กรดโฟลิก หาง่าย สูญสลายง่าย
กรดโฟลิกสามารถหาได้โดยทั่วไปในผักใบเขียวเกือบทุกชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ปวยเล้ง ผักกาดหอม หน่อไม้ฝรั่ง บล็อกโคลี ถั่วลันเตา ธัญพืชต่างๆ ผลไม้ตระกูลส้ม ถ้าคุณแม่ต้องการได้รับกรดโฟลิกแบบครบคุณค่า ควรรับประทานแบบสดๆ หรือลวกอย่างรวดเร็ว
การปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อนนานๆ อาจทำให้กรดโฟลิกสูญสลายไปได้ หรือถ้าคุณแม่มีอาการตัวร้อน ได้รับยารักษาโรคลมชัก ก็อาจจะทำให้โฟลิกลดลงไปได้ เพราะยาจะเข้าไปต่อต้านการสร้างโปรตีน และลดการดูดซึมของกรดโฟลิก ดังนั้นคุณแม่ที่มีภาวะลมชัก อาจต้องรับประทานโฟลิกมากขึ้น ประมาณ 10 เท่า
อย่างไรก็ตามการรับประทานกรดโฟลิกในช่วงก่อนตั้งครรภ์ 1 – 3 เดือน จะได้ผลดีกว่าการมารับประทานภายหลังจากตั้งครรภ์แล้ว
เครดิต: Yam’mii Wöng Poohridar, www.likevitamin.net, www.try2havebaby.com
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
- สภากาชาดไทยเตือน! ไม่อยากให้ลูกพิการ..แม่ท้องอย่าขาดโฟลิก
- กิน ‘กรดโฟลิก’ ก่อนท้อง ดีจริงไหม?
- “โฟลิก” แร่ธาตุสำคัญก่อนตั้งครรภ์และ 2 เดือนแรก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่