รีบตรวจรักษา แค่ทานยาก็หายได้
ก่อนการรักษาคุณหมอจะนำเซลล์มาตรวจเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง โดยใช้การดูดเนื้อเยื่อหรือขูดมดลูกเอาเซลล์มาตรวจ โดยถ้าเป็นการดูดเนื้อเยื่อก็จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีลักษณะคล้ายหลอดเล็กๆ เพื่อนำชิ้นส่วนเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกออกมา และหลังจากให้คุณหมอด้านพยาธิวิทยาตรวจดูตัวเซลล์แล้ว หากเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ คุณหมอจะใช้วิธีการลอกโดยการใช้ยาที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เพราะการที่ไข่ไม่ตก ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมนตัวนี้เพียงพอที่จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกสุก แล้วลอกออกมาเองได้ และเมื่อร่างกายได้รับฮอร์โมนตัวนี้แล้ว เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะค่อยๆ ลอกออกมา หลังจากนั้น จะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อกัน 3-4 เดือน เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย และทำให้ประจำเดือนมาเป็นรอบตามปกติ
สุดท้ายโรคเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติสามารถกลับมาเป็นได้อีก โดยเฉพาะ ถ้ายังไม่ออกกำลังกาย และยังมีน้ำหนักตัวที่มากเกินเกณฑ์
คุณหมอฝากถึงผู้หญิงทุกคน
“คุณผู้หญิงควรใส่ใจเรื่องของรอบเดือนเป็นพิเศษ สังเกตว่าประจำเดือนมาสม่ำเสมอดีหรือไม่ หากมาไม่ปกติรวมถึงมีภาวะอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น มีขนเพิ่มมากขึ้น เป็นสิว หน้ามัน ควรไปตรวจดูว่าเป็นกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หรือเปล่า เนื่องจากกลุ่มนี้มีภาวะแทรกซ้อนตามมาค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องมีบุตรยาก เรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ และหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ บางรายหลังจากรอบเดือนไม่มาหลายๆ เดือน พอรอบเดือนมาจะมีภาวะเลือดออกมากผิดปกติ ถึงขั้นตกเลือดได้”
ทั้งนี้การรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติจะช่วยหยุดยั้งโรคร้ายและยังเป็นการป้องกันโรคต่างๆ ได้ในอนาคต
ข้อมูลโดย: อาจารย์ นายแพทย์สกิทา ม่วงไหมทอง ภาควิชาสูติ-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
เป็นโรค SLE (โรคเอสแอลอี) มีลูกได้ไหม ?
โรคตับในแม่ท้อง ภาวะอันตราย ทำให้ครรภ์เสี่ยงสูง
พ่อแม่รังแกฉัน ผลสำรวจค่านิยมยอดฮิตของพ่อแม่ยุคดิจิตอล
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่