เลือดล้างหน้าเด็ก

เลือดล้างหน้าเด็ก สัญญาณเตือนสำคัญของคุณแม่ท้อง

event
เลือดล้างหน้าเด็ก
เลือดล้างหน้าเด็ก

เลือดล้างหน้าเด็ก

สรุปเลือดล้างหน้าเด็กกับประจำเดือน แตกต่างกันอย่างไร ?

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างประจำเดือนกับเลือดล้างหน้าเด็ก ก็คือ ปริมาณเลือดที่ออกมาจากช่องคลอด และระยะเวลาที่เป็น เลือดล้างหน้าเด็กจะมีปริมาณเลือดออกมาเพียงเล็กน้อยในลักษณะกะปริดกะปรอย โดยกินเวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้น มักมีสีแดงจางกว่า อาจมีการปวดท้องประจำเดือนแต่รุนแรงน้อยกว่า ในขณะที่ประจำเดือนที่ปกติจะมีปริมาณเลือดออกมามากกว่า และระยะเวลาในการเป็นจะกินเวลาไม่เกิน 7 วัน

เมื่อเกิดอาการเลือดล้างหน้าเด็กขึ้นแล้วจะต้องทำอย่างไร?

เมื่อเกิดอาการเลือดล้างหน้าเด็ก โดยทั่วไปไม่ต้องทำอะไร เลือดที่ออกจะมีปริมาณน้อยมาก (ไม่เหมือนการแท้งบุตร) ให้นอนพักผ่อนตามปกติ เลือดสามารถหยุดไปเองภายใน 1-2 วัน ต่อจากนั้น สังเกตเรื่องประจำเดือนต่อ หากประจำเดือนไม่มาตามกำหนด ก็ควรตรวจการตั้ง ครรภ์ต่อไป ทั้งนี้เลือดที่ออก ไม่มีผลต่อทารกแต่อย่างไร และไม่มีผลทำให้ทารกพิการ หรือ เสียชีวิตจนแท้งออกมาด้วย

เลือดล้างหน้าเด็ก

เลือดล้างหน้าเด็ก อันตรายไหม ?

เลือดล้างหน้าเด็ก เป็นอาการที่ไม่อันตราย และมีอาการเพียง 1-2 วันเท่านั้น แต่หากมีเลือดออกติดต่อกันเกินกว่า 2 วัน และมีปริมาณกับสีของเลือดผิดปกติ คือเลือดออกมากหรือเลือดเป็นลิ่ม สีของเลือดมีสีแดงสดแทนที่จะเป็นสีชมพูหรือสีน้ำตาลก็ควรปรึกษาแพทย์ เพราะนั่นอาจเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในมดลูก หรือเป็นอาการที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ อาทิ การแท้ง หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นต้น

ทั้งนี้อาการเลือดออกทางช่องคลอดอาจเกิดมาจากสาเหตุอื่นได้ด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุที่อาจทำให้เกิดเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงตั้งครรภ์ได้แก่

  • การมีเพศสัมพันธ์การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือการใช้สิ่งแปลกปลอมสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศขณะที่เพศสัมพันธ์ ก็อาจทำให้ภายในช่องคลอดเกิดการฉีกขาดจนทำให้เลือดออกทางช่องคลอดได้ แต่ถ้าหากเป็นสตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงจนทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น และการมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้เช่นกัน
  • การคุมกำเนิดการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือการใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย สามารถทำให้เลือดออกทางช่องคลอดได้ โดยเฉพาะการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติได้ด้วย
  • การติดเชื้อหรือการอักเสบของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อในบริเวณอุ้งเชิงกรานซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอดได้ โดยเฉพาะโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคซิฟิลิส หนองใน หรือกามโรคอื่น ๆ
  • การทำงานที่ผิดปกติของมดลูกและโรคทางระบบสืบพันธ์ เช่น โรคกลุ่มอาการรังไข่ที่มีถุงน้ำหลายใบ (PCOS) ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือรอบเดือนมีความผิดปกติ ก็อาจพบเลือดออกจากช่องคลอดได้
  • การตั้งครรภ์นอกมดลูก ถือเป็นความผิดปกติที่ค่อนข้างอันตรายทั้งกับแม่และเด็ก ซึ่งภาวะนี้จะก่อให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและมีเลือดออกมามากผิดปกติ ถ้าหากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้
  • การแท้ง อาการเลือดออกและปวดท้องอย่างรุนแรง เป็นสัญญาณอันตรายของภาวะแท้งที่ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ทุกคนควรระมัดระวัง และหากเกิดอาการขึ้นควรรีบพบแพทย์ในทันที

อย่างไรก็ตามหากต้องการความมั่นใจว่าเลือดที่ออกจากช่องคลอดนั้นคืออะไรกันแน่ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด หรือหากคิดว่าเป็น เลือดล้างหน้าเด็ก ก็สามารถตรวจเบื้องต้นโดยการใช้ที่ตรวจการตั้งครรภ์ ทั้งนี้หากพบสาเหตุเร็วก็สามารถวางแผนการดูแลตัวเองหรือรับการรักษาต่อไป

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.pobpad.com , haamor.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up