รหัสที่ 4 : ต้องทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสมอง
เนื้อสมองของลูกน้อยในครรภ์มีองค์ประกอบเป็นไขมันโดยเฉพาะไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 60 กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ความสำคัญต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อยในครรภ์คือ กรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอ็ช เอ (DHA) ซึ่งมีมากในอาหารปลาพวกปลาทะเลและสาหร่ายทะเล และ เออาร์เอ (ARA) ซึ่งมีมากในอาหารพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวให้เพียงพอจะทำให้ลูกในครรภ์ได้รับวัตถุดิบคุณภาพดีในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพดีตามไปน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม[2]
รหัสที่ 5 : ต้องมีการออกกำลังกายที่เหมาะสม
คุณแม่ท้องอาจไม่นึกถึงการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์กันมากสักเท่าไหร่ เพราะอาจกังวลว่าคนท้องออกกำลังกายได้ หรือ จะปลอดภัยกับลูกในท้องไหม จริงๆ แล้วคนท้องสามารถออกกำลังกายได้ โดยที่ต้องได้รับการรับรองจากคุณหมอที่ ดูแลครรภ์ก่อนในเบื้องต้นว่าคุณแม่ไม่ได้มีภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพ เช่น ภาวะแท้งคุกคาม ปากมดลูกปิดไม่สนิท ฯลฯ จึงจะปลอดภัยขณะที่กำลังออกกำลังกาย และแนะนำว่าการออกำลังกายควรมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย กายบริหารที่เหมาะกับคนท้อง ก็เช่น โยคะ ว่ายน้ำ เดินช้าๆ เป็นต้น
การออกกำลังของแม่ท้อง จะทำให้ลูกในท้องได้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่แม่บิด เหวี่ยงแขน ขา ลำตัว ผิวกายลูกที่ เคลื่อนไหวไปถูกกับผนังด้านในมดลูก จะไปช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
รหัสที่ 6 : แม่ต้องเริ่มฟังเพลงให้เพลินอารมณ์
ระบบประสาทการรับฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้ เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น การที่ลูกในครรภ์ได้รับฟังเสียงเพลงคลื่นเสียงจะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินมีการพัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี[3]
รหัสที่ 7 : แม่ต้องไม่เครียด ไม่โกรธ
ความเครียดคือศัตรูตัวร้ายต่อสมองทั้งของแม่และลูกในท้องเลยค่ะ เพราะขณะที่แม่กำลังเกิดความเครียด หรือมีอารมณ์โมโห โกรธ ร่างกายที่ต้องอยู่ในภาวะกดดันที่เกิดจากความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน ชื่อว่า cortisol และ adrenaline ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้ความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็วมาก สมองและร่างกายที่ตึงเครียดของแม่สามารถส่งถึงลูกในท้องให้รู้สึกรับรู้ได้ และก็จะทำให้สมองลูกเครียดตามไปด้วย
ดังนั้นเมื่อแม่รู้แล้วว่าความเครียดไม่ได้ส่งผลดีต่อสมองของลูกในท้อง ควรหาวิธีขจัดความเครียด อาจจะดูหนัง ฟังเพลง หรืออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศให้สบายตา สบายใจ ลดความเครียดได้ค่ะ
ไม่อยากเลยใช่ไหมคะที่จะรู้ว่าลูกในท้องของเรานั้นจะคลอดออกมาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการสมองที่เฉลียวฉลาดกันหรือเปล่า ทั้งนี้การที่ลูกจะมีสติปัญญาดี ต้องเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในท้องแม่จากการได้รับอาหาร การกระตุ้นพัฒนาการ และเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ได้รับอาหารที่ดีมีประโยชน์ โดยเริ่มจากการได้ทานน้ำนมแม่ ได้รับอาหารเสริมที่เหมาะสมตามวัย มีกิจกรรมกระตุ้นพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เท่านี้ก็จะช่วยให้ลูกมีสมองคิด จดจำ เรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพแล้วค่ะ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
กระจก … ช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองลูกน้อยได้!
นักวิจัยพิสูจน์แล้ว! ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากแม่ได้มากกว่าพ่อ
ส่งเสริมให้ลูกเล่น ขวบปีแรก พัฒนาการสมองดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
[1]ระบบประสาท. plengt.wordpress.com
[2],[3]รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง. www.si.mahidol.ac.th
อายุของแม่กับการตั้งครรภ์. www.si.mahidol.ac.th
www.goodhousekeeping.com
นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์. www.facebook.com