แม่สุดเศร้า! ลูกหัวเล็ก คลอดออกมามีภาวะศีรษะเล็ก ไม่ใช่แค่ไวรัสซิก้า ยังมีอีก 9 สาเหตุภาวะศีรษะเล็ก
ลูกหัวเล็ก หรือภาวะศีรษะเล็ก
คุณแม่ท่านหนึ่งได้บอกเล่าประสบการณ์มีภาวะศีรษะเล็ก ว่า ในปี 2561 แม่ตั้งครรภ์เป็นท้องแรก โดยฝากท้องที่โรงพยาบาลและฝากพิเศษ อัลตราซาวด์ลูกในท้องก็ปกติดี แต่พอคลอดออกมา ลูกศีรษะเล็กเพียง 29 เซนติเมตร น้ำหนัก 2,900 กรัม ตอนแรกหมอกระตุ้นให้ลูกร้อง แต่ลูกไม่ค่อยร้อง ลูกต้องอยู่ห้อง NICU ให้อาหารทางสายยางและให้ออกซิเจนตลอด แม่ต้องปั๊มนมไปส่งลูกทุกวัน จนลูกได้กลับมาบ้าน แต่ลูกกลับบ้านแค่ไม่นานก็ต้องกลับเข้าไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
ลูกคนแรก ตรวจพบเชื้อไวรัสซิก้า
ที่กลับเข้าไปใหม่ เพราะลูกมีออกชิเจนในเลือดต่ำ ตัวเขียว ต่อมาหมอให้ย้ายไปตึกฉุกเฉิน เด็กกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทุกนาทีมีค่า ต้องเฝ้าลูกตลอดเวลา เพราะถ้าสายออกซิเจนหลุด ลูกจะเหนื่อย ตัวเขียว พร้อมที่จะไป ขณะที่อยู่โรงพยาบาล ก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบถามการติดเชื้อไวรัสซิก้าว่าเราติดได้อย่างไร ติดตอนไหน เพื่อเก็บข้อมูล แต่ก็ไม่รู้ว่าติดซิก้าได้อย่างไรแทบจะไม่ได้ไปไหนเลย
“เรายื้อชีวิตลูกไว้ 2 ครั้ง ทำใจไม่ได้ที่ลูกจะจากไป แต่ทรมานยิ่งกว่าคือต้องเห็นหมอปั๊มหัวใจลูกแล้วตัวลูกกระเด้ง แทบขาดใจ ขอยอมแพ้ ลูกคือความหวังของเราทั้งสอง ครั้งสุดท้ายลูกดูเหนื่อย ตัวเริ่มเขียว เพิ่มออกซิเจนก็ไม่ดีขึ้นเท่าไร เรากอดลูก ทำใจไม่ได้ คุยกับหมอแล้วไม่อยากให้ลูกเจ็บทรมาน ต้องปล่อยลูกไป แต่แฟนมาไม่ทัน ใจมันสลายอยู่ตรงนั้น”
ลูกคนต่อมาศีรษะเล็ก ไม่ทราบสาเหตุ
จนมาตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 แม่ไปปรึกษาโรงพยาบาลเพื่อวางแผนครอบครัว เว้นไป 1 ปี พร้อมกับดูแลตัวเอง กินโฟเลต จนพร้อมและมาฝากพิเศษ พร้อมนำประวัติและผลตรวจของลูกคนแรกให้คุณหมอ จากนั้นก็อัลตราซาวด์ตามนัด มีตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจโครโมโซม ตรวจทุกอย่างที่คุณหมอบอก แต่พอคลอดออกมา ลูกศีรษะ 32 เซนติเมตร น้ำหนัก 3,690 กรัม คุณหมอกระตุ้นให้ลูกร้อง แต่ลูกก็ไม่ค่อยร้อง จึงทำเรื่องส่งตัวไปอีกโรงพยาบาล
เมื่อไปถึงอีกโรงพยาบาลก็ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดของลูกเพื่อหาโรคต่าง ๆ ก็ปกติมี ทำ CT Scan ทำ MRT สมอง ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ ผลตรวจซิก้าก็ไม่พบเชื้อ หมอบอกว่าลูกอาจสมองฝ่อหรือสมองพิการ (กระโหลกส่วนหน้าเล็ก) แต่หมอสูติไม่พูดอะไร
“ครอบครัวเรา บ้านอยู่ต่างจังหวัด ต้องพาลูกมาหาหมอที่อีกจังหวัดหนึ่งเดือนละ 2 ครั้ง บางครั้งก็นอนโรงพยาบาลหลายวัน แต่ละครั้งต้องพบหมอหลายคน อยากรู้สาเหตุต้องส่งเลือดไปตรวจที่ กทม. ตอนนี้ลูก 6 เดือน ไม่มีพัฒนาการใด ๆ กระตุกบ่อย ตัวเกร็งตลอด ไม่ร้อง กินนมยาก สำลักง่ายมาก ๆ ป้อน 3 ออนซ์ เกือบ 2 ชม. หมอบอกอาจต้องให้ทางสายยางหรือเจาะหน้าท้องตั้งแต่ตอน 2 เดือน แต่วิธีนี้มีโอกาสติดเชื้อสูง อาจจะอยู่ได้ไม่นาน แม่ทำใจไม่ได้ จึงพยายามประคับประคองป้อนนมขวดมาตลอด แต่ไม่รู้จะป้อนข้าวยังไง กลัวทุกอย่าง อยากพาลูกไปโรงพยาบาลเด็กตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่ RSV ระบาด ตอนนี้ก็มีโควิด-19 แม่เหนื่อยและท้อมาก ๆ เห็นลูกเป็นแบบนี้ แต่ต้องสู้” คุณแม่ทิ้งท้าย
ทีมแม่ABK ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่หาสาเหตุพบและสามารถรักษาน้องได้นะคะ
สาเหตุลูกหัวเล็กเกิดจากอะไร
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ อธิบายว่า Microcephaly ไมโครเซฟาลี (ศีรษะเล็ก) คือ ความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด ของทารก ที่หมายถึงการที่ทารกมีศีรษะเล็กกว่าปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับทารกคนอื่น ร่วมกับมีการเจริญเติบโตของสมองที่ช้า อาจเจริญเติบโตต่อไปเป็นเด็กที่มีความพิการ มีความผิดปกติต่าง ๆ โดยนักวิจัยได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อหาศักยภาพของความเชื่อมโยงของผู้ป่วยที่มีภาวะไมโครเซฟาลี กับภาวะติดเชื้อไวรัสซิก้า และสาเหตุของไมโครเซฟาลียังมีเหตุอีกมากมาย ได้แก่
- ภาวะติดเชื้อของทารกในมดลูก ท็อกโซพลาสโมสิส (โรคขี้แมว อาจพบเชื้อปาราสิตก่อโรคขี้แมวในเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ)
- โรคหัดเยอรมัน หรือรูเบลล่า
- ไวรัสเริม (ไวรัสเฮอร์ปีส)
- เชื้อซิฟิลิส
- ซัยโตเมกะโลไวรัส
- เอชไอวี
- การที่ได้สัมผัสกับสารพิษสารเคมี มารดาสัมผัสกับสารโลหะหนัก เช่น สารหนู และสารปรอท (อาร์เซนิค และเมอร์คิวรี)
- มารดาดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์ สูบบุหรี่ หรือใกล้กับรังสีต่าง ๆ
- ภาวะทางด้านพันธุกรรม การขาดสารอาหารอย่างรุนแรงขณะมีครรภ์อายุครรภ์น้อย
อาการของเด็กหัวเล็ก
ทารกที่เกิดมามีไมโครเซฟาลี อาจไม่แสดงอาการผิดปกติอะไรเลยในตอนแรกเกิด แต่จะมีอาการชักกระตุกเป็นการต่อเนื่อง มีอาการอัมพาตจากสมองผิดปกติ พบความผิดปกติในการเรียนรู้ หูหนวก และมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น บางรายเด็กที่มีภาวะไมโครเซฟาลี อาจจะเติบโตต่อไปได้ตามปกติ
การรักษาเด็กที่มีภาวะศีรษะเล็ก
ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาโดยเฉพาะสำหรับทารกและเด็กที่หัวเล็ก จำเป็นต้องมีการประเมินและรักษาเด็กไมโครเซฟาลี ด้วยคณะแพทย์หลายสาขาวิชามาร่วมมือกันดูแลบริบาลตั้งแต่ระยะแรก
ไวรัสซิก้า ไวรัสอันตรายสำหรับแม่ท้อง
อ.นพ.ดร.นพพร อภิวัฒนากุล ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ไวรัสซิก้า มีพาหะนำโรคคล้ายไข้เลือดออกคือยุงลาย การติดเชื้อไวรัสซิก้าในหญิงตั้งครรภ์ อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะผิดปกติอย่างรุนแรงของสมองและขนาดศีรษะของทารกในครรภ์ และยังมีรายงานว่าติดต่อจากแม่สู่ลูกได้ สมมติว่าแม่ติดเชื้อช่วงใกล้คลอด ลูกออกมาก็อาจติดเชื้อได้ ส่วนใหญ่จะมีอันตรายก็ต่อเมื่อแม่ติดเชื้อในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะเด็กจะมีการพัฒนาของอวัยวะต่าง ๆ ดังนั้น ถ้ามีการติดเชื้อในช่วงนั้นก็จะทำให้เด็กที่คลอดออกมาเกิดอาการผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม กรณีพบเด็กที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสซิก้าซึ่งมีขนาดศีรษะเล็กผิดปกติ ในทางการแพทย์ การรักษาคงเป็นแบบประคับประคองหรือรักษาตามอาการ
วิธีป้องกันที่ดีที่สุด เมื่อคุณแม่ทราบว่าตั้งครรภ์ควรรีบไปฝากครรภ์ หมั่นกินยาและวิตามินที่คุณหมอสั่ง ตรวจครรภ์ทุกครั้งอย่าให้ขาด ฉีดวัคซีนสำคัญ ๆ ลดพฤติกรรมเสี่ยงทุกอย่าง และดูแลตัวเองให้ดีที่สุด พร้อมช่วยกันดูแลแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยการทำความสะอาด การเทน้ำทิ้ง หรือครอบฝาภาชนะที่สามารถบรรจุ คนท้องควรใช้ยากันยุงที่ปลอดภัย สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ใส่เสื้อผ้าสีสว่าง ในบ้านควรติดมุ้งลวดที่ประตู หน้าต่าง เพื่อป้องกันอันตรายจากยุง ลดความเสี่ยงภาวะศีรษะเล็กที่อาจเกิดได้กับทารกในครรภ์
อ้างอิงข้อมูล : rama.mahidol.ac.th, mgronline.com, และ sanook
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
คนท้องตรวจโควิดได้ไหม จำเป็นต้องตรวจไหม อาการแบบไหนไม่ควรปล่อยไว้
ข้ามสามีให้แพ้ท้องแทน ความเชื่อโบราณให้คนท้องกลั้นหายใจข้ามตัวสามี