ความเชื่อผิดๆ ของแม่ตั้งครรภ์ ไตรมาสที่สอง 14-27 สัปดาห์
-
ความเชื่อ : คุณแม่เครียดตลอดขณะตั้งครรภ์ น้อยใจคนรอบข้างจนร้องไห้ บ่อยมาก มีผลให้ลูกในท้อง งอแง เลี้ยงยาก
ความจริง : ที่กล่าวกันว่าความเครียดส่งผลต่อลูกในท้อง ทำให้ลูกเป็นเด็กไม่ร่าเริง งอแง เลี้ยงยากนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะความเครียดของแม่ไม่มีผลทางด้านอารมณ์ของเด็กในท้อง แต่เกี่ยวเนื่องในเรื่องของการเจริญเติบโต เพราะเมื่อแม่เครียดจะกินอาหารได้น้อย ส่งผลทําให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนตามไปด้วยส่วนตัวคุณแม่เองความเครียดจะส่งผลกระทบเต็มๆ เพราะในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่มีอารมณ์แปรปรวนหรือซึมเศร้าได้ง่ายอยู่แล้วถ้าคุณแม่ไม่ได้ดูแลตัวเองอาการต่างๆ จะเยอะขึ้นจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงได้
สิ่งที่น่ากังวล คือ หลังคลอดฮอร์โมนจะลดลงทันทีอย่างฮวบฮาบ ในคนที่มีภาวะนี้มาก่อนช่วงหลังคลอดอาการจะหนักมากขึ้น มีอาการซึมเศร้าหลังคลอด ด้วยถ้าไม่รักษามีโอกาสเกิดภาวะนี้ถาวรได้ต้องระวังและควรควบคุมอารมณ์ให้ดีเพราะถ้าตอนตั้งครรภ์มีอาการแบบนี้หลังคลอดคุณแม่อาจมีอาการที่แย่ลงจนไม่สามารถเลี้ยงดูลูกน้อยได้ จึงแนะนําให้ปรึกษาแพทย์ เพราะจะมียาทางจิตเวชหลายตัวที่กินแล้วไม่เกิดผลกระทบกับคุณแม่ตั้งครรภ์ และหากเป็นไปได้ควรขอความช่วยเหลือจากครอบครัวเข้ามาดูแลให้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของสภาพจิตใจ ควรเปิดอกคุยกับสามีตรงๆ แต่ถ้าสุดท้ายไม่สามารถตกลงกันได้ควรจูงมือกันไปพบคุณหมอซึ่งจะอธิบายถึงผลเสียของภาวะดังกล่าวให้คุณพ่อเข้าใจ
การที่คุณแม่เครียดจนรับประทานอาหารไม่ได้ นอกจากลูกจะตัวเล็กไม่แข็งแรงแล้ว อาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูง มดลูกบีบตัวเกิดครรภ์เป็นพิษตามมาในที่สุด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
-
ความเชื่อ : คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรออกกําลังกาย
ความจริง : หากใครมีภาวะรกเกาะต่ำที่มีเลือดออก ตั้งครรภ์แฝด หรือมีอาการเจ็บท้องก่อนกําหนด กรณีเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการออกกําลังกายแต่หากคุณแม่ตั้งครรภ์ปกติไม่มีอาการใดๆ แทรกซ้อนก็สามารถออกกำลังกายได้โดยก่อนตั้งครรภ์เคยออกกําลังกายแบบไหนพอตั้งครรภ์ก็ทําได้เหมือนเดิม
เพียงแต่อย่าให้มากหรือหักโหมไปกว่าเดิม เนื่องจากเคยมีกรณีคุณแม่วิ่งมาราธอนมาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ถึงตอนนี้ตั้งครรภ์อยู่ก็วิ่งได้ปกติ เพียงแค่พอตั้งครรภ์ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาณเลือดเยอะขึ้นเอ็นและกล้ามเนื้อเริ่มหย่อน เมื่อออกกำลังกายไปได้สักพักจะรู้ว่าตัวเองสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน เหนื่อยเมื่อไหร่ก็หยุด หรือออกกำลังกายลดลง ซึ่งการออกกําลังกาย เช่น ออกกําลังกายในน้ำ วิ่ง เดิน ว่ายน้ำ โยคะ สามารถทําได้แต่การยกเวทไม่ควรทํา