อีกงานวิจัยโดยจอห์น ทอมป์สัน หัวหน้าทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ในนิวซีแลนด์ ระบุชัดว่า การรับประทานยาพาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์เพื่อบรรเทาปวด มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อทารกในครรภ์เป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เด็กเกิดมามีความเสี่ยงสมาธิสั้นในภายหลัง
การศึกษาในครั้งนี้ อาศัยการค้นคว้าข้อมูลเด็กทารกในภูมิภาคยุโรปจำนวน 871 คน โดยเปรียบเทียบการใช้ยาในคุณแม่ตั้งครรภ์ 4 ชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ยาพาราเซตามอล โดยมีการวัดพฤติกรรมที่เข้าข่ายโรคสมาธิสั้นในเด็กอายุระหว่าง 7-11 ขวบ
ผลที่ได้พบว่า เด็กเกือบครึ่งที่คุณแม่รับประทานยาพาราเซตามอลขณะตั้งครรภ์ มีพฤติกรรมเข้าข่ายโรคสมาธิสั้น ขณะที่ตัวยาอื่นๆ ไม่มีผลข้างเคียง
ล่าสุด สมาคมเภสัชกรรมแห่งชาติ ได้ให้คำแนะนำในการใช้ยาพาราเซตามอลติดต่อกันเป็นเวลานานในคุณแม่ตั้งครรภ์เสี่ยงลูกน้อยที่คลอดออกมามีภาวะสมาธิสั้น และออทิสติก เนื่องจากการศึกษาพบว่า การรับประทานยาพาราเซตามอลขณะตั้งครรภ์ ทำให้เด็กมีความเสี่ยงเป็นโรคสมาธิสั้นสูงถึง 30% และมีความเสี่ยงเป็นโรคออทิสติกสูงถึง 20%
Dr. Ilan Matok ผู้เขียนรายงาน จากมหาวิทยาลัยฮิบรูแห่งเยรูซาเล็ม กล่าวว่า ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการใช้ยาพาราเซตามอล เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคออทิสติก หากใช้ยาเป็นเวลานานระหว่างตั้งครรภ์ โดยเกี่ยวข้องกับการสื่อสาร และลดระดับไอคิวในเด็กที่คุณแม่ใช้ยาขณะตั้งครรภ์
Dr. Shanna Swan จากโรงพยาบาล Mount Sinai New York กล่าวเพิ่มเติมว่า ทารกที่เกิดมามีพัฒนาการในการพูดล่าช้า พบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์รับประทานยาพาราเซตามอลมากกว่า 6 ครั้งระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้มีพัฒนาการที่ล่าช้า โดยเฉพาะการพัฒนาทางระบบประสาทของเด็ก
ดังนั้น หากคุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว เป็นไข้ แนะนำให้พบแพทย์ที่ดูแลครรภ์ก่อน อย่าหาซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพราะแพทย์จะเป็นผู้แนะนำเองว่า คุณแม่ควรใช้ยามากน้อยเพียงใด หรือว่าไม่ควรใช้เลยในขณะที่ตั้งครรภ์ และหากคุณแม่ไม่อยากรับประทานยาในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น สิ่งแรกที่คุณแม่จะต้องทำเลยก็คือ การดูแลรักษาตัวเองให้ดี