ตกเลือดหลังคลอด เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่หลังคลอดลูกทั้งแบบคลอดเองหรือผ่าคลอด คุณแม่หลังคลอดที่ถือว่ามีอาการตกเลือด คือ มีเลือดออกหลังจากการคลอดทารกและคลอดรกเสร็จสิ้น มากกว่าหรือเท่า กับ 500 มล. และมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 มล. ในกรณีที่ต้องผ่าท้องคลอด หรือในอีกคำจำกัดความที่ว่า มีเลือดออกหลังคลอด และ ออกปริมาณมากพอจนทำให้มีอาการผิด ปกติ เช่น ซีด วิงเวียนศีรษะ
การตกเลือดหลังคลอด เป็นภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรม แพทย์ต้องให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อมารดาอย่างมาก กลไกสำคัญที่สุดที่ทำให้เลือดหยุดดีหลังคลอด คือ การหดรัดตัวของมดลูก หากมีสิ่งใดไปขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก ก็จะทำให้เสียเลือดอย่างมากจากการมีเลือดออกจากเยื่อบุมดลูกในส่วนที่เป็นรอยหลุดลอกตัวของรก
การตกเลือดหลังคลอด เป็นสาเหตุการตายของมารดาทั่วโลกเป็นอันดับต้นๆ แม้ว่าโลกจะมีการพัฒนาไปมาก มีความเจริญทางด้านการแพทย์ไปอย่างมากก็ตาม การสูญเสียมารดาจากการตกเลือดหลังคลอด ยังมีให้เห็นและได้ยินกันบ่อยๆเลือดออกหลังคลอดเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เลือดไหลเหมือนท่อประปาแตก อุบัติการณ์การเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดแบบเฉียบพลัน พบประมาณ 1-5% ซึ่งคิดว่าน่าจะรายงานต่ำกว่าความเป็นจริง
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
มีหลายปัจจัยที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงให้เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด เราได้รวบรวมปัจจัยเหล่านั้นซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดภาวะดังกล่าวดังนี้
- การคลอดบุตรที่มีขนาดตัวใหญ่
- มีการตั้งครรภ์หลายครั้งและใช้ระยะเวลานานในการคลอด
- การติดเชื้อ
- โรคอ้วน
- การใช้ยาที่กระตุ้นให้เกิดการคลอด
- การใช้คีมในการทำคลอดของแพทย์
- การฉีกขาดในช่องคลอด เนื้อเยื่อในช่องคลอด หรือ หลอดเลือดในมดลูก
- ปัญหาความผิดปกติของลิ่มเลือดซึ่งทำให้เลือดออกง่าย