การเสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์ นอกเหนือจากการเปิดเพลงให้ลูกฟังแล้ว ไฟฉายส่องท้องแม่ เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ง่ายๆ ที่คุณแม่ส่วนใหญ่นำมาใช้เล่นกับลูกน้อย เชื่อว่าสามารถช่วยพัฒนาเรื่องการมองเห็นให้ลูก แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่บ้าง เพราะแทนที่จะเป็นการเสริมพัฒนาการให้ลูก จะกลับกลายเป็นรบกวนพัฒนาการของลูกแทนค่ะ
ไฟฉายส่องท้องแม่ ทำได้อย่างไร
ส่วนใหญ่เริ่มใช้แสงไฟส่องกระตุ้นตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน การส่องไฟที่หน้าท้องจะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นของลูกพัฒนาดีขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นภายหลังคลอด คุณแม่อาจเล่นกับลูกน้อยโดยการใช้ไฟฉายส่องแบบค่อย ๆ กะพริบ เพื่อให้แสงทะลุผ่านหน้าท้องไปที่น้ำคร่ำทำให้ลูกรู้ความแตกต่างของ ความมืดและความสว่าง ข้อควรระวังการส่องไฟ ไม่ควรเปิดไฟแรงมาก และส่องให้ห่างจากท้องประมาณ 1 ฟุต เคลื่อนที่ไปมาช้า ๆ จากบนลงล่าง อย่าให้แสงจ้าเกินไป อาจเป็นอันตรายกับจอประสาทตาของลูกได้ ไม่ควรส่องนานและบ่อยเกินไป
การตอบสนองของลูกน้อยต่อแสงไฟ
ระบบการมองเห็นของลูกจะเริ่มเมื่อเข้าสู่อายุครรภ์ 7 เดือนขึ้นไป เห็นผนังภายในมดลูก ยิ่งใกล้คลอด มดลูกจะใหญ่ขึ้น ผนังมดลูกเริ่มบางลง แสงผ่านเข้าสู่ภายในมดลูกได้ดี จึงเกิดการกระตุ้นระบบการมองเห็นของทารก ทำให้รู้จักความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน ว่าในช่วงกลางคืนภายในมดลูกจะมืดสนิท และกลางวันจะมีแสงผ่านเข้ามา ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาระบบการมองเห็นให้ทารก
ด้านเพจเรื่องเล่าจากโรงหมอ ให้ความรู้เกี่ยวกับการนำไฟฉายส่องท้องกระตุ้นพัฒนาการลูกไว้ว่า…พัฒนาการของดวงตาทารก เริ่มหลังจากมีการปฏิสนธิไม่นาน และพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
- อายุครรภ์ 32 วัน เริ่มมองเห็นเลนส์ตา
- อายครรภ์ 8 สัปดาห์ เริ่มสร้างเปลือกตา
- อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ มีเปลือกตาคลุมสนิท หลับตา
- อายครรภ์ 13 สัปดาห์ เริ่มสร้างน้ำตา
- อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ เริ่มมีการแยกของเปลือกตาบนและล่าง
- อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ เริ่มลืมตาได้ มีการตอบสนองต่อแสง มีขนตา มีการเคลื่อนไหวของตา rapid eye movement และมีวงจรการนอนหลับ เด็กมีการหลับและตื่น
- อายุครรภ์ 30 สัปดาห์ ลืมตาได้เต็มที่
ขณะอยู่ในท้องแม่ แสงจากธรรมชาติในเวลากลางวัน สามารถทะลุผ่านผิวหนังหน้าท้อง และผนังมดลูก เข้าไปภายในมดลูกได้ มากพอที่จะทำให้ลูกแยกความแตกต่างของโทนสี ขาว ดำ เทา ได้ ช่วยกระตุ้นการพัฒนาการของดวงตาและการมองเห็น