5โรคติดเชื้อที่ คนท้อง ห้ามละเลย..อาจทำให้ลูกพิการได้!! - Amarin Baby & Kids
คนท้อง กับโรคติดเชื้อ

5โรคติดเชื้อที่ คนท้อง ห้ามละเลย..อาจทำให้ลูกพิการได้!!

Alternative Textaccount_circle
event
คนท้อง กับโรคติดเชื้อ
คนท้อง กับโรคติดเชื้อ

คนท้อง มีเรื่องมากมายให้ต้องกังวล การห่วงลูกน้อยในครรภ์เป็นสิ่งที่ห่วงที่สุดของแม่ทั้งหลาย ดังนั้นมารู้จักโรคติดเชื้อที่อาจทำให้ลูกพิการได้ก่อนสายดีกว่า

5 โรคติดเชื้อที่ คนท้อง ห้ามละเลย..อาจทำให้ลูกพิการได้!!

เมื่อได้รับข่าวดีว่าจะได้เป็นแม่คน ความกังวลต่าง ๆ ของแม่คงเกิดขึ้นมากมายหลากหลาย หนึ่งในความกังวลที่แม่ท้องห่วงที่สุดคงหนีไม่พ้น ความกังวลเกี่ยวกับลูกน้อยในท้อง ว่าจะเป็นปกติไหม อันตรายใด ๆ หรือไม่ ลูกออกมาจะพิการไหม การจะหยุดความกังวลต่อเรื่องเหล่านี้ได้คงมีเพียงการศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้เราสามารถรู้จักเรื่องต่าง ๆ ของการตั้งครรภ์ สิ่งใดควรทำ สิ่งใดควรระวัง ก็จะช่วยคลายความกังวลลงไปได้ แถมยังช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเอง ขณะเป็นคนท้องได้อย่างดีอีกด้วย
โรคติดเชื้ออันตรายขณะตั้งครรภ์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณแม่ควรให้ความใส่ใจ เพราะอันตรายจากเชื้อเหล่านี้ส่งผลต่อลูกทารกในครรภ์ได้ถึงขั้นเสียชีวิต และอาจพิการได้ วันนี้ ทีมแม่ ABK ได้ทำการรวบรวมข้อมูลโรคติดเชื้อเหล่านั้น พร้อมอาการ และการป้องกันมาให้แม่ได้รับรู้ และจะได้เป็นคนท้องที่ไม่ต้องมัวแต่กังวลอีกต่อไป
ลูกคือสิ่งที่กังวลที่สุดของ คนท้อง
ลูกคือสิ่งที่กังวลที่สุดของ คนท้อง

โรคติดเชื้อที่อันตรายระหว่างตั้งครรภ์

ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์

ความจริงแล้วตกขาวเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง ที่จะต้องมีเพื่อหล่อเลี้ยง หล่อลื่นช่องคลอด และบริเวณปากมดลูกอยู่ตลอดเวลา สารคัดหลั่งเหล่านี้จึงถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติปกติของผู้หญิง โดยลักษณะของตกขาวปกติ จะเป็นมูกใสหรือขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก  ปริมาณไม่มากนัก อาจมีทุกวัน วันละเล็กน้อย  เรื่องของลักษณะและปริมาณของตกขาวนั้นขึ้นกับอิทธิพลของฮอร์โมนในร่างกายด้วย

สาเหตุของการเกิดตกขาวระหว่างตั้งครรภ์

ในระหว่างตั้งครรภ์ ปากมดลูกและผนังช่องคลอดนั้นจะนุ่มขึ้น และผลิตตกขาวออกมามากขึ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อลุกลามเข้าสู่มดลูก ตกขาวจะช่วยปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัย ในช่วงสัปดาห์ท้ายก่อนคลอด หัวของทารกจะกดทับบริเวณปากมดลูก น้ำหนักกดทับทำให้มีตกขาวเพิ่มขึ้น ลักษณะเป็นมูกมากขึ้นและมีกลิ่นคล้ายกับเลือดปนอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าใกล้เวลาคลอดแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม แม่ท้องควรระวังการมีตกขาวที่ผิดปกติจากเชื้อโรคที่มาทำให้ช่องคลอดอักเสบติดเชื้อบางอย่างที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการตั้งครรภ์ และอาจทำให้เกิดความผิดปกติของลูกในท้องได้ จนอาจเสี่ยงต่อภาวะพิการแต่แรกเกิดของทารก ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้  แม่ท้องควรได้รับการตรวจภายในเพิ่มเติม และรับการรักษาเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนการตั้งครรภ์หากเป็นการอักเสบที่รุนแรงได้

  • มีอาการแสบร้อนในช่องคลอด
  • มีกลิ่นที่รุนแรงมากผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้สึกว่ามีกลิ่นอับคล้ายกลิ่นคาวปลา

    ตกขาวแบบไหนผิดปกติสำหรับ คนท้อง
    ตกขาวแบบไหนผิดปกติสำหรับ คนท้อง
อาการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่พบได้หากคุณแม่ท้องเกิดการอักเสบของช่องคลอดจากแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ที่สามารถพบได้บ่อยตอนท้อง ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มพวกนี้มีความสัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์ ช่วงตั้งครรภ์ไม่ได้ห้ามการมีเพศสัมพันธ์ แต่ควรระมัดระวัง และยังคงต้องป้องกันเชื้อโรคเวลามีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะกับคนท้องที่ควรลดโอกาสการอักเสบติดเชื้อในช่องคลอด ซึ่งจะส่งผลต่อลูกได้ โดยวิธีการป้องกันที่ดีวิธีหนึ่ง คือ การใช้ถุงยางอนามัย

โรคขี้แมว โรคติดเชื้อจากปรสิตที่มีชื่อว่า Toxoplasma gondii

โดยเชื้อดังกล่าวสามารถพบได้ในมูลของแมว เนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงสุกๆ ดิบๆ แม้ปกติมักจะไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัด และเชื้อยังสามารถแพร่จากแม่สู่ทารกในครรภ์ได้ ผู้ที่ได้รับเชื้อในช่วงแรกของการตั้งครรภ์อาจถ่ายทอดเชื้อไปยังทารกได้น้อย แต่มักส่งผลให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์หรือเกิดการแท้งบุตร สำหรับทารกที่รอดชีวิตมีแนวโน้มจะพบปัญหาสุขภาพรุนแรงตามมา เช่น ชัก ตับโต ม้ามโต ดีซ่าน หรือติดเชื้อที่ดวงตาอย่างรุนแรง ทั้งนี้ ผู้ที่ติดเชื้อนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3 อาจเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อสู่ทารกได้มากที่สุด แต่มักพบอาการผิดปกติได้น้อย และเด็กที่เกิดมาอาจจะพัฒนาอาการได้เมื่อโตขึ้น

การรักษาโรคทอกโซพลาสโมซิสในหญิงตั้งครรภ์มีอยู่หลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะที่ติดเชื้อและความรุนแรงของเชื้อ เช่น

  • การติดเชื้อภายใน 16 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ อาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะอย่างสไปรามัยซิน เพื่อลดอัตราการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์
  • การติดเชื้อหลังสัปดาห์ที่ 16 ของการตั้งครรภ์ หรือทารกในครรภ์ติดเชื้อ อาจต้องรับประทานยาไพริเมตามีน ยาซัลฟาไดอะซีน กรดโฟลิก และยาลูวโคโวริน ทั้งนี้ ยาทั้ง 2 ชนิดนี้อาจส่งผลข้างเคียงต่อมารดาและทารกในครรภ์ได้ เช่น กดไขกระดูกที่ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือด เกิดความเป็นพิษต่อตับ เป็นต้น

การป้องกัน

สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับพฤติกรรมของตนเอง หมั่นดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาพและสุขอนามัยที่ดี รวมถึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อด้วยการรักษาสุขอนามัยทั้งต่อตนเอง และสภาพแวดล้อม เช่น การใส่ถุงมือ หน้ากากอนามัยหากต้องสัมผัสกับสัตว์ ดูแลรักษาความสะอาดของใช้ และบริเวณรอบบ้านให้สะอาดปลอดเชื้อ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น เป็นต้น

คนท้อง หลีกเลี่ยงชุมชน ดูแลตนเอง ป้องกันโรคสุกใส
คนท้อง หลีกเลี่ยงชุมชน ดูแลตนเอง ป้องกันโรคสุกใส

โรคสุกใส Varicella/ Chicken Pox

โรคอีสุกอีใส เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ มีระยะฟักตัว 10 – 20 วัน โรคนี้เมื่อเป็นแล้ว มักมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต และผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่เป็นซ้ำอีก แต่เชื้ออาจหลบซ่อนอยู่ในปมประสาท และมีโอกาสเป็นงูสวัดได้ในภายหลัง ถ้ามีการติดเชื้อสุกใสในหญิงตั้งครรภ์ระยะสามเดือนแรก อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ เช่น แขนขาผิดปกติ จอประสาทตาอักเสบ ลำไส้ตีบฝ่อเป็นช่วง ๆ และความผิดปกติของระบบประสาท เป็นต้น นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นสุกใสในระยะก่อนคลอด วันหรือหลังคลอด วัน ทารกที่เกิดมาอาจเป็นสุกใสชนิดรุนแรงได้

โรคอีสุกอีใสจะแสดงอาการเหมือนกันไม่ว่าขณะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ นั่นคือ การเกิดตุ่มคัน ซึ่งอาจมีเลือดออกหรือไม่ก็ได้ หายใจติดขัด เจ็บที่หน้าอก อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง มีไข้สูง มีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งอาการเลือดออกทางช่องคลอดถือเป็นสัญญาณอันตรายมาก ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

การป้องกัน

ปัจจุบันสุกใสสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนนี้ไม่สามารถทำได้ในระยะที่ตั้งครรภ์  คนท้องจึงควรป้องกันตนเอง ไม่อยู่ใกล้ชิดคนที่เป็น และพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่สาธารณะที่แออัด โดยเฉพาะเมื่อเกิดการระบาดของโรค

หัดเยอรมัน

เป็นไข้ออกผื่นชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไม่รุนแรงมาก โรคนี้จะติดต่อถึงกันได้ทางการหายใจ โดยเชื้อในละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยในอากาศ ถ่ายทอดไปยังผู้ใกล้ชิด ระยะเวลานี้สามารถแพร่เชื้อ คือ วันก่อนออกผื่นจนถึง วันหลังผื่นขึ้น ในมารดาจะไม่มีอันตรายจากหัดเยอรมัน แต่ทารกในครรภ์ที่มารดาติดเชื้อหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ อาจจะเกิดความผิดปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุครรภ์เมื่อติดเชื้อ ถ้าอยู่ในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะพบความพิการที่เห็นได้ชัดคือ ตาเป็นต้อกระจก หรือต้อหิน หูหนวก หัวใจพิการแต่กำเนิด เด็กตัวเล็กกว่าปกติ เกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติทำให้เกิดจ้ำเลือดตามผิวหนัง ตับ ม้ามโตและมีความผิดปกติทางสมอง

ทารกในครรภ์เสียชีวิตเพราะติดเชื้อ
ทารกในครรภ์เสียชีวิตเพราะติดเชื้อ

การป้องกัน
การฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน คือ การป้องกันที่ดีที่สุด และควรฉีดให้ตั้งแต่วัยเด็ก หรือวัยสาวที่ยังไม่เคยเป็นหัดเยอรมันได้รับ แต่ในขณะตั้งครรภ์ไม่สามารถฉีดได้ ทำให้ในช่วงการตั้งครรภ์ เดือนแรก ควรหลีกเลี่ยงให้ห่างจากผู้ที่เป็น หรือสงสัยว่าจะเป็นหัดเยอรมัน ถ้าฉีดวัคซีนหัดเยอรมัน ควรคุมกำเนิดไว้ เดือน ในระหว่างตั้งครรภ์หากพิสูจน์ได้แน่ว่าติดหัดเยอรมันในขณะตั้งครรภ์ เดือนแรก แพทย์มักจะแนะนำให้ทำแท้ง เพราะโอกาสเด็กพิการมีถึง 50 % ดังนั้น สตรีที่มีครรภ์เมื่อป่วยเป็นโรคหัดเยอรมันควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อการดูแลที่ถูกต้อง

โรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไซโตเมกาโลไวรัสหรือเชื้อซีเอ็มวี (Cytomegalovirus; CMV)

เชื้อ CMV ทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยล้า หรือปอดบวม สำหรับผู้ติดเชื้อที่มีสุขภาพแข็งแรงส่วนใหญ่ไม่ค่อยแสดงอาการ แต่หากเป็นทารก หรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำอาจมีอาการรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ภาวะแทรกซ้อนของโรคยังอาจทำให้ตาบอดหรือหูหนวก

ทารกอาจได้รับเชื้อจากมารดาที่ติดเชื้อหรือได้รับเชื้อจากการดื่มนมแม่ โดยผู้ติดเชื้อที่กำลังตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด โดยทารกแรกเกิดที่ติดเชื้ออาจมีอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ศีรษะเล็กกว่าปกติ มีผื่นหรือรอยสีม่วงเป็นปื้นตามร่างกาย ตาเหลือง ตัวเหลือง ม้ามโต ตับโตและมีปัญหาในการทำงาน ปอดบวม ชัก มีพัฒนาการช้า ตาบอด และหูหนวก เป็นต้น อาการ Cytomegalovirus Infection ในทารกอาจไม่ปรากฏทันทีที่คลอด แต่อาจใช้เวลาหลายเดือนไปจนถึงหลายปีจึงจะพบอาการ นอกจากนี้ การได้รับเชื้อในช่วงแรกของการตั้งครรภ์อาจรุนแรงกว่าการได้รับเชื้อในช่วงอื่น และบางรายอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้จากการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม กว่า 80% ของทารกแรกเกิดที่ติดเชื้ออาจไม่ได้รับภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้เสมอไป แต่ถึงอย่างไรก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีในการลดความเสี่ยง

การป้องกัน 

ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันเชื้อนี้ แต่อาจลดความเสี่ยงในกาารติดเชื้อได้ด้วยการรักษาความสะอาดและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อ อย่างการล้างมือ ฟอกสบู่ก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ ดูแลความสะอาดของร่างกายและช่องปาก และสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์

สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ หรืออันตรายใด ๆ ต่อลูกในครรภ์ คือ การป้องกันก่อนเกิดเหตุ เพราะการป้องกันไว้ก่อน การได้วางแผนก่อนการมีบุตร ทำให้แม่สามารถเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อน เมื่อเราพร้อมแล้วก็จะได้เป็น คนท้องที่ไม่ต้องมานั่งกังวลอีกต่อไป

  1. การฉีดวัคซีนป้องกันให้มีภูมิคุ้มกันก่อนตั้งครรภ์ เช่น หัด หัดเยอรมัน สุกใส เป็นต้น ในบางโรงพยาบาลสามารถตรวจดูภูมิคุ้มกันให้ก่อนการตรวจเลือดก่อนมีบุตร ถ้ามีภูมิแล้วก็ไม่ต้องฉีดวัคซีนอีก
  2. ถ้าตรวจเลือดพบว่ามีการติดเชื้อบางชนิด (หรือมีอาการของโรค) ควรรักษาให้เรียบร้อยก่อนตั้งครรภ์
  3. ลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อที่ก่อโรค เช่น การใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อการคุมกำเนิดแต่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์เลี้ยงให้ครบ ดูแลสุขอนามัย เป็นต้น

 

แม่ท้อง หมั่นสังเกตอาการ พบปัญหารีบพบแพทย์
แม่ท้อง หมั่นสังเกตอาการ พบปัญหารีบพบแพทย์

 

เมื่อคุณแม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดเชื้อที่เป็นอันตรายต่อคนท้องต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปนัก สิ่งที่เราควรระมัดระวัง อย่าละเลย นั่นคือ การสังเกตอาการต่าง ๆ ของตัวเอง หากมีสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นอย่ามัวแต่นั่งกังวล คิดมาก ควรรีบไปพบแพทย์ที่ทำการฝากท้องไว้จะดีที่สุด เพราะความปลอดภัยของลูกน้อยในท้องนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ที่ไม่ควรละเลย

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก mahidol.ac.th/ pobpad

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ภาวะแท้งจากติ่งเนื้อที่ปากมดลูก อันตรายที่แม่ท้องห้ามประมาท

ปวดท้องน้อยด้านซ้าย จี๊ดๆ มดลูกข้างซ้าย อันตรายหรือเปล่า

ลักษณะทารกคลอดก่อนกำหนด การดูแลและวิธีส่งเสริมพัฒนาการลูก

สายสะดือพันคอทารกในครรภ์ 6 รอบ ยาวถึง 90 ซม. หมอช็อคเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up