“สวยจริง!” ฉันอุทานเมื่อมองไปยังเส้นทางที่ตัดผ่านหน้าโรงพยาบาล ซุ้มอุโมงค์ดอกตาเบบูญ่าสีเหลืองเบ่งบานอวดความงามตลอดถนนสายดอกไม้นี้ ยิ่งแดดร้อนจ้า ดอกไม้ก็ยิ่งเบิกบานท้าทายแสงตะวัน กลีบดอกที่ร่วงหล่นคลุมพื้นเหมือนพรมผืนใหญ่ สะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับราวกับปูด้วยทองคำ เห็นดอกไม้ในหน้าร้อนนี้ ทำให้คิดได้ว่า…ความสุขความทุกข์คือของสิ่งเดียวกัน แล้วแต่จะมองด้านใด หากมองด้านทุกข์ก็ร้อนร้ายเหลือจะทน หากมองด้านสุขดอกไม้ก็ช่างงดงามสุดที่จะพรรณนา
……….
“คุณหมอคะ มีคนไข้มาขอตรวจอัลตร้าซาวนด์ค่ะ” ติ๋ม(ชื่อสมมุติ)พยาบาลประจำห้องตรวจเดินเข้ามาบอก พร้อมยื่นบัตรบันทึกประวัติคนไข้ ฉันตอบเธอว่า
“ได้เลย เชิญที่ห้องอัลตร้าซาวนด์เลยค่ะ”
เมื่อไปถึงห้องอัลตร้าซาวนด์พบคนไข้ผู้หญิงอายุ 22 ปี หน้าตาดี ผมยาวประบ่า นั่งรออยู่ ข้างๆเป็นหญิงวัยกลางคนผอม ตัวเล็ก
“คุณสุดา(ชื่อสมมุติ)อยากตรวจอัลตร้าซาวนด์เพราะอะไรคะ” ฉันถาม
“ลูกสาวประจำเดือนขาดไปสองเดือนละค่ะ คุณหมอ เลยจะมาตรวจดูเด็กในท้อง”สายทอง(ชื่อสมมุติ) ผู้เป็นแม่ตอบแทน
“แล้วหนูตรวจน้ำปัสสาวะแล้วหรือยังว่าท้อง” ฉันหันไปถามคนไข้
“ตรวจสองครั้งแล้วละค่ะ ขึ้นสองขีดทั้งสองครั้ง” สุดาตอบหน้าตาเฉยๆ ดูเป็นคนอารมณ์มั่นคง
“งั้นมาตรวจดูนะคะ อ้อ…จะให้แฟนเข้ามาดูด้วยไหมคะ” ฉันขออนุญาต ตามประสบการณ์หากไม่ให้สามีเข้ามาดูอัลตร้าซาวนด์ทารกในครรภ์พร้อมกัน เดี๋ยวก็ต้องตรวจใหม่ อธิบายกันใหม่ เพราะสามีอยากเห็น
“เรียกอ๊อด(ชื่อสมมุติ)มาดูด้วยกันไหมหนู” แม่หันมาถามลูกสาว
“ไม่ต้องหรอกแม่ ไม่ต้องให้เขาเข้ามาดู” สุดาพูดน้ำเสียงเฉียบขาด หันมาย้ำกับฉัน “หมอ ไม่ต้องให้แฟนหนูเข้ามาดูนะ”“ค่ะ” ฉันรับปาก นึกในใจ เดี๋ยวฝ่ายชายก็ขอให้ตรวจซ้ำ
ผลการตรวจอัลตร้าซาวนด์พบว่า สุดาตั้งครรภ์ ทารกอยู่ในโพรงมดลูก ตัวยาวจากหัวถึงก้นสองเซนติเมตร มีหัวใจเต้น แขนขากำลังงอก เด็กเคลื่อนไหวได้ ฉันชี้ให้แม่และลูกสาวดู
“โอ้…เป็นตัวแล้วหรือหมอ ไม่ใช่ก้อนเลือดหรือหมอ” สายทองมองอย่างตื่นเต้น ชี้ให้สุดาดู “หนู ดูสิ ลูกหนูดิ้นได้แล้ว แค่สองเดือนนี้ ก็ดิ้นได้แล้วหรือหมอ” สายทองเสียงรัว
“ดิ้นได้สิคุณสายทอง เด็กไม่ใช่ก้อนเลือด เป็นตัวตั้งแต่ได้ 1 เดือน คุณสายทองมีลูกกี่คนหรือ” ฉันถือโอกาสถามประวัติครอบครัว
“ฉันมีลูกสามคน สุดานี่เป็นคนโต คนเล็กฉันเพิ่งได้ 10 ขวบเอง ตอนท้องไม่เคยได้ตรวจอัลตร้าซาวนด์เลย เลยไม่ค่อยรู้”
“อ้อ…หมอ ลูกฉันไม่ทำแท้งนะ” สายทองพูดขึ้น ฉันฟังแล้วก็งง จึงถามว่า
“แปลว่าอะไรคะ ที่นี่หมอไม่ได้รับทำแท้งอยู่แล้ว ที่พูดนั้นคุณสายทองหมายความว่ากระไร”
“ลูกฉันมันดื้อ ดื้อมาก ไม่เคยเชื่อพ่อแม่”
“อย่างไรหรือ” ฉันยังไม่เข้าใจ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พยาบาลยื่นหน้าเข้ามาบอกว่า “แฟนคุณสุดาอยากเข้ามาดูอัลตร้าซาวนด์ด้วย”
ฉันคิดในใจว่า…ว่าแล้วไง มองชายที่ปรากฏตัว อ้วนเตี้ย เดินขากะเผลก ขาข้างหนึ่งสั้น ข้างหนึ่งยาว
แต่สุดาตะโกนตอบว่า“ไม่ต้องเข้ามาดู” ฝ่ายชายก็ล่าถอยไป
……….
สุดาเริ่มเล่าเรื่อง…
“คุณหมอ ที่แม่หนูว่าหนูดื้อ เพราะหนูเป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง หนูเลือกเรียนปวช.แล้วขอแม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เอง แม่ทัดทานอย่างไร หนูไม่เคยฟัง เรื่องแฟนก็เหมือนกัน แม่บอกอ๊อดเป็นคนขี้เหร่ หุ่นไม่ดี พิการ ไม่ร่ำรวย หาเช้ากินค่ำ ไม่ควรคบเป็นแฟน แต่หนูบอกแม่ว่า หนูไม่ได้คบคนที่รูปร่างหน้าตา คบที่นิสัยใจคอ อันที่จริงที่หนูเป็นแฟนเขา เพราะหนูสงสารเขา เห็นเขาเป็นเด็กกำพร้า พิการขา ไม่มีแฟนจนอายุสามสิบกว่า เขาทำงานที่โรงงานเดียวกับหนู
“แต่เมื่อหนูท้อง หนูบอกเขาด้วยความดีใจเป็นคนแรก เขาบอกหนูว่าอย่างไรรู้ไหมคะ เขาบอกให้หนูเอาลูกออก เขายังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบเป็นพ่อ เขารู้สถานที่รับทำแท้งจะพาไปเอาออกเอง หนูไม่โต้ตอบเขา แต่หากเขาไม่รักลูก ทั้ง ๆที่เป็นลูกของเขาเอง หนูจะรักเขาสงสารเขาทำไม ลูกหนู หนูเลี้ยงเองได้ หนูรีบโทรศัพท์บอกแม่ แม่ให้หนูกลับมาบ้าน มาฝากท้องที่บ้าน พออ๊อดรู้ว่าหนูลาออกจากงาน กลับมาบ้าน เขาตามมา มาบอกพ่อแม่หนูว่า เขาจะแต่งงานกับหนู จะให้สินสอดทองหมั้นเท่านั้นเท่านี้แต่…เขาหมดสิทธิ์แล้ว…หมอ…เขาไม่มีสิทธิ์ในตัวหนูกับลูกอีก ทันทีที่เขาไม่ต้องการลูก”
“แล้วคุณสายทองจะทำอย่างไร” ฉันหันมาถามคนเป็นแม่ ซึ่งนิ่งเงียบ
สายทองยิ้มแห้ง ๆ “หมอ ฉันไม่เคยค้านอะไรลูกสำเร็จเลย ลูกจะทำอะไรก็ต้องตามใจเขาถึงลูกจะดื้อ แต่เขาเป็นคนดี เป็นเด็กกตัญญู ทำงานหาเงินส่งพ่อแม่ทุกเดือน เขาจะเลี้ยงลูกคนเดียวหรือให้ฉันเลี้ยง ฉันก็ยินดีสนับสนุนเขา”
ตกลง สุดาก็ขอฝากท้อง เจาะเลือด รับวัคซีน รับยาบำรุง โดยมีอ๊อดนั่งนิ่งอยู่หน้าห้อง ไม่มีส่วนร่วมใดๆ ตอนกลับสุดาก็กลับพร้อมกับพ่อแม่ ไม่ได้ไปพร้อมกับอดีตแฟน
อ๊อดเดินเข้ามาถามฉันว่า “คุณหมอ ลูกผมสมบูรณ์ดีไหมครับ” ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่บอกว่า ไปถามคุณแม่ดูนะคะ เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ได้แต่เดินคอตกออกจากโรงพยาบาลไป
ฉันมองตามเขา…ชายพิการคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะยังไม่รู้ว่า ตนเองหมดโอกาสได้เป็นพ่อแล้ว
……….
บันทึกของหมอ
แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือSingle Mom เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดในสังคมไทยไม่นานนี่เอง แต่เดิมเกิดเพราะความจำเป็นจากการหย่าร้าง หรือสามีตาย แต่ปัจจุบันการเลือกเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ถือว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย งานวิจัยพบว่า หากแม่มีสุขภาพกายใจแข็งแรง มุ่งมั่น ที่จะเลี้ยงดูลูก ลูกที่เกิดมาจะมีพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ต่างจากลูกที่มีครบทั้งพ่อและแม่
จากคอลัมน์ : Pregnancy True Story ฉบับมิถุนายน 2559
เรื่อง: พญ.ชัญวลี ศรีสุโข
ภาพประกอบ: Panita Aoki