7 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่มือใหม่ - Amarin Baby & Kids
วิธีแก้อาการแพ้ท้อง

7 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่มือใหม่

Alternative Textaccount_circle
event
วิธีแก้อาการแพ้ท้อง
วิธีแก้อาการแพ้ท้อง
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ มักจะมีอาการอาเจียน วิงเวียน ในช่วงตั้งครรภ์สามเดือนแรก ทีมแม่ ABK มี 7 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่มือใหม่ จากพ.ต.ต.พญ.จิตสุภา คุณาเศรษฐ (หมอขิม) สูตินรีแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามีบุตรยาก เพจ หมอสูติประตูถัดไป By Dr.Praew Dr.Kim มาฝากค่ะ

คุณแม่มือใหม่บางท่านประสบปัญหาคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย กินไม่ค่อยได้ ในช่วงสามเดือนแรก ที่เราเรียกกันว่าอาการ “แพ้ท้อง” ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยมากอาการแพ้ท้องมักไม่ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่จะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกอ่อนเพลีย กระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำงานในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ สาเหตุของการแพ้ท้องเป็นผลมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ขึ้นสูงในช่วงตั้งครรภ์ โดยที่อาการมักจะมาช่วงตั้งครรภ์ 7 สัปดาห์ และหายไปหลังอายุครรภ์ 14 สัปดาห์

7 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่มือใหม่

1. เลี่ยงอาหารกลิ่นแรง

บางทฤษฎีเชื่อว่า อาการไวต่อกลิ่นของอาหารบางประเภทอาจเป็นกลไกธรรมชาติของคุณแม่ให้เลี่ยงอาหารที่ไม่เหมาะสมกับทารกในครรภ์ แม้ในปัจจุบันเราจะพบว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของฮอร์โมนที่ขึ้นสูงมากกกว่า แต่ไม่แปลกหากคุณแม่จะรู้สึกเหม็นกลิ่นของอาหารบางอย่างแบบไม่เคยเป็นมาก่อน และอาจทำให้รู้สึกอยากอาเจียนได้ หากมีอาการที่ว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นไป รวมทั้งอาหารกลิ่นแรงอื่นๆด้วย เช่น กระเทียมเจียว ของมันของทอด เป็นต้น

อาการคนท้องระยะแรก

2. กินอาหารมื้อเล็กๆ ย่อยง่าย แทนการกินอาหารมื้อใหญ่ๆ

การกินอาหารคือตัวกระตุ้นอาการคลื่นไส้ได้มากที่สุดในคุณแม่แพ้ท้อง การกินแบบอิ่มจุก จนกระเพาะอาหารทำงานหนักมักจะกระตุ้นให้รู้สึกคลื่นไส้ได้มากขึ้น ดังนั้นคุณแม่ควรรับประทานอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม รวมทั้งควรแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ 4-5 มื้อ แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ๆ จะลดอาการแพ้ท้องได้ค่ะ

3. เลี่ยงการแปรงฟันแรงๆ และเปลี่ยนขนาดแปรงสีฟันให้เล็กลง

คุณแม่มือใหม่บางคนพบว่าการกระตุ้นที่ช่องปากด้านในมักทำให้อยากอาเจียนมาก ซึ่งเราเรียกกันว่า “gag reflex” (แก็กรีเฟล็ก) โดยมักจะพบในการแปรงฟันในตอนเช้า หรือการใช้ไหมขัดฟัน โดยคุณแม่ที่มีปัญหานี้อาจลองเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นขนาดที่เล็กลง งดการแปรงฟันแรงๆ ลองใช้ยาสีฟันในปริมาณลดลง และงดการแปรงลิ้นไปก่อนเพื่อลดการกระตุ้น อย่างไรก็ตามการดูแลความสะอาดช่องปากยังสำคัญมากในคุณแม่ที่อาเจียนบ่อยๆ เนื่องจากอาหารที่อาเจียนที่มีกรดในกระเพาะอาหารเมื่อผ่านช่องปากอาจก่อปัญหาต่อฟันคุณแม่ได้ ดังนั้น การแปรงฟันให้สะอาด ใช้น้ำยาบ้วนปากสม่ำเสมอ และพบทันตแพทย์ตามนัดจึงสำคัญมากค่ะ

4. ลดการขยับศีรษะไปมาแรงๆ

การเปลี่ยนท่าทางเร็วๆ รวมทั้งหันหน้าไปมาเร็วๆ จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้มากขึ้น แนะนำว่าตื่นนอนในตอนเช้าคุณแม่ค่อยๆลุกจากเตียงให้ช้าลง ในระหว่างวันปรับเปลี่ยนกิจวัตรจากเป็นคนที่ขยับเปลี่ยนท่าไปมาเร็วให้ช้าลง จะช่วยลดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ได้ค่ะ

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ และดื่มน้ำขิงอุ่นเพื่อลดอาการคลื่นไส้

การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันจำเป็นอย่างมากตลอดการตั้งครรภ์ ยิ่งในช่วงที่อาเจียนมาก และรับประทานได้น้อย ต้องระมัดระวังอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ร่างกายอ่อนเพลีย และเกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนได้มากขึ้น คุณแม่ควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 2-2.5 ลิตร ในบางช่วงที่รู้สึกคลื่นไส้ ลองสลับมาดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ก็พบว่าช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ดีเช่นกัน

ดื่มน้ำตอนท้องว่าง

6. พบแพทย์หากอาการเป็นมากจนอ่อนเพลีย

ในรายที่อาการอาเจียนมากทุกวัน แต่ยังพอรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ คุณหมอจะให้ยาวิตามินบี 6 และยาลดอาการคลื่นไส้(ตัวที่ปลอดภัยในคนท้อง) มาช่วยบรรเทาอาการ และแนะนำให้พักผ่อนมากๆ แต่สำหรับคุณแม่ที่อาเจียนรุนแรงมากขึ้นๆ รับประทานอาหารไม่ได้เลยจนอ่อนเพลียมาก ปัสสาวะออกน้อย เนื่องจากร่างกายขาดน้ำและขาดพลังงาน ซึ่งเราเรียกว่า “ Hyperemesis Gravidarum” (ไฮเปอร์อิมิซิส กาวิดารุ่ม) โดยอาการรุนแรงแบบนี้พบได้ 3% ของการตั้งครรภ์ มักพบได้ช่วงอายุครรภ์ 9-12 สัปดาห์ คุณหมอมักจะให้นอนโรงพยาบาลเพื่อเจาะเลือด รวมทั้งให้ยาและสารน้ำทางเส้นเลือดดำ จนกว่าอาการจะทุเลาลงค่ะ

7. พักผ่อนเยอะๆ และอย่าเครียดกับอาการมากเกินไป

คำแนะนำจากหมออย่างหนึ่งสำหรับคุณแม่ที่แพ้ท้องก็คือ ควรพักเยอะๆ ค่ะ บางครั้งหลังนอนพักช่วงระหว่างวัน เมื่อตื่นมาอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียจะทุเลาลงได้ รวมทั้งอย่าเครียดมากจนเกินไปเพราะความเครียดมักส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ข้อมูลพบว่าอาการแพ้ท้องโดยมากมักไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทารกในครรภ์ และส่วนใหญ่อาการจะทุเลาไปเองหลัง 12-14 สัปดาห์ค่ะ แต่อย่างไรก็ดี หากอาการอ่อนเพลียเป็นมากคุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ทันท่วงทีแบบนี้ดีที่สุดค่ะ

คุณแม่แต่ละท่านอาจมีประสบการณ์ระหว่างตั้งครรภ์ที่แตกต่างกันไป หมอหวังว่าคุณแม่ๆ จะได้ประโยชน์จากคำแนะนำการดูแลตนเอง วิธีแก้อาการแพ้ท้อง และผ่านพ้นช่วงสามเดือนแรกไปได้อย่างราบรื่นนะคะ

Heatlh Quotient ฉลาดดูแลสุขภาพ หนึ่งใน Power BQ 10 ความฉลาดที่เด็กยุคใหม่ควรมี เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในท้องแม่ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ เตรียมพร้อมหาข้อมูลต่างๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและปลอดภัยกับลูกในท้อง เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีสู่ลูกน้อยในครรภ์ เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีตั้งแต่แรกเกิดให้กับลูกน้อย


เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 


ติดตามสารพันความรู้สำหรับ คุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวตรรภ์

กับคุณหมอจิตสุภา ได้ที่ เพจ หมอสูติประตูถัดไป By Dr.Praew Dr.Kim

เพจหมอสูติประตูถัดไป

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up