เรียลพาเรนต์ส เดอะซีรีส์ 7 เรื่องจริงของแม่ที่หมออยากแบ่งปัน
ลูกฉันเป็น…..ซุปเปอร์เกิร์ลXXX
ดอกไม้สีขาว สีเหลือง สีม่วง สีส้ม เบิกบานเต็มสองข้างถนน กลีบดอกหลากสีร่วงลงพื้น ทำให้ถนนกลายเป็นพรมกลีบดอกไม้ไปตลอดแนว เสียงโห่ร้อง เสียงดนตรีแผดเสียงดังอย่างสนุกสนาน รถเปิดประทุนวิ่งผ่านไปมาบรรทุกคนหน้าขาววอกจากการประแป้ง ตัวเปียกม่กซ่กจากการสาดน้ำสงกรานต์ ผู้คนที่จับกลุ่มอยู่ที่ถนนก็เช่นกัน ใบหน้าแต่ละคนลายพร้อยไปด้วยแป้ง ตัวเปียกโชก มีขันน้ำและถังน้ำขนาดใหญ่เป็นอาวุธ สาดน้ำใส่รถที่เคลื่อนผ่านอย่างสนุกสนาน บางคนไม่สาดน้ำก็เต้นตามจังหวะเพลง ด้วยท่าเต้นที่กวนสายตา บางท่าเต้นก็ดูน่าขำ คนเต้นต่างวาดลวดลายอย่างเต็มที่ ไม่อายสายตาใคร
ฉันชื่อปาริชาติ (ชื่อสมมุติ) กำลังจูงมือน้องเดียร์ (ชื่อสมมุติ) ลูกสาวอายุ 13 ปี ออกมาเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ แค่เห็นคนจำนวนมากสาดน้ำกัน ยิงปืนฉีดน้ำใส่กัน น้องเดียร์ก็ไม่ค่อยกล้ามอง ฉันรู้เธอเขินอายที่เห็นร่างกายผู้คนเปียกน้ำทำให้เห็นรูปร่างชัดเจน น้องเดียร์เองเวลาถูกสาดน้ำ เธอก็ทำท่าเอียงอาย
“สนุกไหมลูก” ฉันถาม น้องเดียร์ทำเหมือนไม่ได้ยินต้องพูดซ้ำ เธอทำสีหน้าเฉย ขณะพยักหน้า
ฉันเดินไปตามถนนคนเดินกับลูก นึกสนุกจึงบอกน้องเดียร์ว่า “เดี๋ยวแม่แวะซื้อปืนฉีดน้ำนะลูก เราจะได้มีคนละกระบอกไว้ตอบโต้คนที่สาดน้ำใส่เรา” ฉันแวะเข้าร้านค้า ผู้คนพลุกพล่านหาซื้ออุปกรณ์เล่นน้ำสงกรานต์ กว่าฉันจะหาปืนฉีดน้ำที่ถูกใจได้ก็ใช้เวลานาน ขณะจะจ่ายสตางค์น้องเดียร์ก็หายไปแล้ว
“เดี๋ยวมาจ่ายตังค์ มาเอาของนะ” ฉันรีบบอกคนขาย เดินออกมาที่หน้าร้าน สายตาสอดส่ายหาลูก รีบโทรศัพท์บอกสามีที่อยู่ที่บ้าน สามีหาพิกัดจีพีเอสจากโทรศัพท์มือถือของน้องเดียร์ที่เราเอาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อลูก แล้วบอกว่า “ลูกอยู่ใกล้ ๆ ร้านที่แม่อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวจะออกไปช่วยหา” สามีต่อว่าว่า “ บอกแล้วไม่ให้เที่ยวสงกรานต์ หากไปเที่ยวต้องดูลูกให้ดีก็ไม่เชื่อ”
ฉันเดินแกมวิ่งออกจากร้านค้า มองหาทั่ว เมื่อเดินผ่านเวทีประกวดวงดนตรี จึงเห็นน้องเดียร์ยืนอยู่กับกลุ่มวัยรุ่น ที่เห็นเด่นชัด เพราะน้องเดียร์ตัวสูงถึง 174 เซนติเมตร ฉันถามกลุ่มวัยรุ่นว่า เป็นเพื่อนกับน้องเดียร์หรือ พวกเขาก็ปฏิเสธ บอกว่าอยู่ดี ๆ ลูกสาวฉันก็เดินตามพวกเขามา ฉันจึงไปจูงมือลูกออกมา
สามีมาถึงพอดี เขาบอกน้องเดียร์ว่า ถ้าอยากดูประกวดดนตรีก็ได้ เดี๋ยวพ่อแม่จะยืนดูเป็นเพื่อนด้วย
ย้อนไป 14 ปีก่อน ฉันอายุได้ 44 ปี สามีอายุ 46 ปี แต่งงานกันมาเกือบ 20 ปี ไม่มีลูก แต่ฉันกับสามีก็ไม่ได้กระเสือกกระสนค้นหาวิธีให้มีลูกแต่อย่างใด ไม่มีก็ดี ไม่ต้องเป็นภาระ เราตกลงกันเช่นนี้ แต่อยู่ดี ๆ ประจำเดือนของฉันก็ขาดไปหลายเดือน ฉันคิดว่าตนเองจะหมดประจำเดือน ไม่คิดว่าตนเองตั้งท้อง จนกระทั่งวันหนึ่งฉันรู้สึกว่าท้องของตนเองโตขึ้น มีก้อนอะไรแข็งๆ ในท้อง เมื่อบอกสามี เขาตกใจมากคิดว่าฉันเป็นมะเร็ง เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์ตรวจอย่างละเอียดและบอกให้เรายินดีว่า ฉันท้องได้สี่เดือนแล้ว
เมื่อฟังแพทย์บอก ฉันและสามีดีใจจนเนื้อเต้น อุทานว่า “ลูกมาแล้ว” ขณะที่เรารอมานานถึง 20 ปี แต่ความยินดีแต่แรกเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวล เมื่อแพทย์บอกว่า เป็นการตั้งครรภ์เสี่ยงสูงเพราะแม่อายุมาก มีความเสี่ยงต่อการเกิดทารกพิการบกพร่องสติปัญญา เช่น ทารกกลุ่มอาการเด็กดาวน์ หากต้องการตรวจทารกในครรภ์ อาจต้องเจาะน้ำคร่ำไปตรวจหาโครโมโซม
ฉันฝากท้องกับแพทย์ ผลของการตรวจร่างกาย การตรวจเลือด เป็นปกติ ตอนจะเจาะน้ำคร่ำฉันกลัวมาก เพราะเข้าใจว่าจะเจ็บ แต่ปรากฏว่าไม่เป็นเช่นนั้น แพทย์ใช้เครื่องอัลตร้าซาวนด์ตรวจดูช่องว่างที่จะเจาะน้ำคร่ำ ทาน้ำยาฆ่าเชื้อ ฉีดยาชาที่ผิวหนัง ใช้เข็มขนาดยาวแทงเข้าไปในท้อง ใช้เวลาเจาะน้ำคร่ำประมาณแค่ 5 นาที ไม่ทันรู้สึกอะไรแพทย์ก็ทำเสร็จแล้ว แพทย์แนะนำให้พักผ่อนไม่ทำงานหนัก 1 สัปดาห์หลังเจาะน้ำคร่ำ ซึ่งก็ไม่ลำบากอะไร เพราะฉันและสามีมีธุรกิจโรงแรมเล็กๆ เป็นของส่วนตัว แต่ช่วงรอผลการตรวจน้ำคร่ำ ฉันกระสับกระส่ายมาก ถามสามีว่าหากลูกเราเป็นทารกกลุ่มอาการเด็กดาวน์ มีโอกาสพิการทางร่างกายและสติปัญญาบกพร่อง เราจะทำแท้งหรือตั้งครรภ์ต่อ สามีหัวเราะ บอกว่า ขนาดยุงฉันยังไม่ตบเลย ฉันจะฆ่าลูกของตนเองได้หรือ เมื่อสามีพูดอย่างนั้น ฉันจึงได้ข้อสรุป ฉันเจาะน้ำคร่ำเพื่อให้รู้ว่าลูกจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าลูกเป็นอย่างไร เขาก็เป็นลูก เป็นสายเลือดของฉันและสามี ฉันจะไม่ทำลายเขาอย่างเด็ดขาด
ผลการเจาะน้ำคร่ำมาถึง พยาบาลโทรศัพท์ให้ฉันไปพบแพทย์เพื่อฟังผลการเจาะน้ำคร่ำด้วยตนเอง เมื่อฉันถามว่า “ต้องรีบไปไหม” พยาบาลบอกว่า “ไม่รีบมาก แต่ไม่ควรรอนาน” ฟังแล้วฉันคิดว่าลูกอาจจะมีความผิดปกติอะไรสักอย่าง แต่ไม่น่าใช่ทารกกลุ่มอาการเด็กดาวน์ เพราะแพทย์บอกฉันว่าหากเป็นทารกกลุ่มอาการเด็กดาวน์และฉันต้องการทำแท้ง ต้องรีบมาพบแพทย์ก่อนที่เด็กจะโต ทำแท้งลำบาก
เมื่อฉันไปพบแพทย์พร้อมสามี แพทย์อธิบายว่าลูกในท้องของฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่มีโครโมโซมผิดปกติ อาจเพราะฉันและสามีอายุมาก ในขณะที่โครโมโซมเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ปกติ มีโครโมโซมเป็น 46 XX ลูกสาวของฉันมีโครโมโซมเป็น 46 XXX คือมีเอ็กซ์เกินมา 1ตัว หรือเรียกว่าเด็กซุปเปอร์เอ็กซ์ ฉันและสามีรีบซักไซ้ไล่เลียงหมอว่า การเป็นเด็กซุปเปอร์เอ็กซ์ จะเกิดอะไรขึ้นกับลูก
แพทย์อธิบายว่า ปัญหาของการมีเอ็กซ์เกินมา 1ตัว ทำให้มีเนื้อสมองน้อยกว่าคนทั่วไป หากวัดรอบศีรษะ จะพบว่าเล็กกว่า แต่ไม่เล็กจนดูรู้ จึงอาจจะมีสติปัญญาต่ำกว่าคนอื่นเล็กน้อย หากมีพี่น้องท้องเดียวกันไอคิวจะต่ำกว่าพี่น้องไป 10-20 จุด สามารถเรียนหนังสือได้ถึงระดับปริญญา แต่อาจเรียนไม่เก่ง มีปัญหาการเรียน ตัวจะสูง ขาจะยาวกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่มือเท้าจะไม่ใหญ่ เป็นคนเรียบร้อย ไม่ช่างพูด ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย อาจจะมีปัญหาในการตัดสินใจ การปรับตัว การสื่อสาร อาจจะต้องพบจิตแพทย์
“แล้วจะมีความพิการไหมครับ” สามีฉันถามแพทย์
“งานวิจัยพบว่าเด็กซุปเปอร์เอ็กซ์ มีความพิการไม่ต่างกับคนทั่วไป คือร้อยละ 0.1 ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับไตหรือระบบทางเดินปัสสาวะ เมื่อโตขึ้นแต่งงานก็สามารถมีลูกเป็นเด็กปกติได้”
บันทึกจากหมอ
คุณปาริชาติตั้งครรภ์เด็กซุปเปอร์เอ็กซ์ ซึ่งพบประมาณ 1: 1000 ของเด็กที่คลอด เมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนด ต้องผ่าตัดคลอดเพราะเธออายุมาก โชคดีที่ทารกไม่มีความพิการใดๆ มารดาก็ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ คุณปาริชาติและสามีดูแลลูกสาวน้องเดียร์ที่มีอีกชื่อว่าซุปเปอร์เกิร์ลเป็นอย่างดี วางแผนป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น ครอบครัวที่อบอุ่นทำให้คุณปาริชาติและสามีค้นพบความสามารถของลูก ส่งเสริมให้ลูกเจริญเติบโตตามศักยภาพที่มีอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหญิงซุปเปอร์เกิร์ลแม้ดูไม่เฉลียวฉลาด ไม่ค่อยพูด ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ตัวสูงเก้งก้าง แต่เธอสามารถเล่นดนตรีได้เหนือกว่าเด็กวัยเดียวกัน
บทความโดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข
ภาพ : shutterstock