ปัญหาจากสายสะดือ เช่น พัน ตีบ บิด จึงไม่มีเลือดไปเลี้ยงทารกในครรภ์ พบได้ร้อยละ 10 ซึ่งหากเกิดเหตุ สายสะดือบิดเป็นเกลียว หรือสายสะดือตีบ มักสัมพันธ์กับสายสะดือที่ยาวกว่าปกติ
ภาวะนี้แพทย์อาจไม่สามารถตรวจพบตอนตั้งครรภ์ หากเป็นมาก สายสะดือตีบจนเลือดไม่ไหล เด็กมักเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หากปมไม่แน่น หรือเป็นเกลียวหลวม สายสะดือไม่ตีบมาก แพทย์มักจะตรวจพบจากการเต้นของหัวใจเด็กเต้นผิดปกติ และช่วยเหลือได้ทันในช่วงคลอด
อุทาหรณ์แม่ท้อง! สายสะดือบิดเป็นเกลียว
ต้องคลอดลูกที่ไม่มีลมหายใจ [เรื่องจริงจากหมอสูติฯ]
ฉันเอนตัวลงนอน เอามือลูบท้อง ตอนนี้ลูกในท้องสะอึกเป็นจังหวะ หมอบอกว่า เด็กสะอึกได้เหมือนผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามหากสะอึกต่อกันเป็นเวลานานเด็กจะเหนื่อย แม่ควรพัก ใช้มือสัมผัสลูบท้อง
ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันจึงท้องยากเย็น ฉันอายุ 33 ปี แต่งงานมานาน 13 ปี สองท้องแรกแท้ง ต้องขูดมดลูก ท้องที่ 3 ท้องนอกมดลูก ก็ต้องเทียวหาหมอถึง 3 ครั้ง ลงเอยโดยการผ่าตัดปีกมดลูกด้านซ้ายออกไป หลังจากนั้นหลายปี จึงท้องที่สี่ ต้องฝากครรภ์อย่างดี พบหมอเดือนละหลายครั้ง นอนโรงพยาบาลหลายครั้ง เพราะปวดท้องจะคลอดก่อนกำหนด สุดท้ายลูกคลอดตอนท้อง 8 เดือน น้ำหนัก 2,400 กรัม ตอนผ่าคลอดหมอบอกว่ามดลูกของฉันมีพังผืดมาก เหมือนมีการอักเสบเรื้อรัง เข้าใจว่าเกี่ยวกับการแท้งลูกที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ลูกแข็งแรงพอสมควร ไม่ต้องเข้าตู้อบ ตอนนี้ลูกสาวคนโตอายุ 7 ปี แข็งแรงสมบูรณ์และฉลาดดี
ฉันและสามีปล่อยให้มีลูกอีกคน นานกว่าจะท้อง ตั้งแต่ท้องก็แพ้ท้องรุนแรง กินอะไรไม่ได้เลย ท้อง 4 เดือนแรก นอนโรงพยาบาลไปสามครั้ง ต้องให้น้ำเกลือ ยาแก้แพ้ท้อง น้ำหนักลดมาก หลังจากนั้น อาการคลื่นไส้อาเจียน ก็ยังไม่หาย ฉันก็รู้สึกปวดท้อง ปวดหลัง ใจสั่น เช้ามาต้องอาเจียน ตามด้วยขย้อนทั้งวัน
แต่ละวันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดินเชื่องช้ามากสำหรับฉัน เพราะมีแต่ความไม่สุขสบาย ตอนท้อง 4 เดือน หมอเจาะเลือดฉันตรวจคัดกรองกลุ่มอาการทารกเด็กดาวน์ ผลเป็นปกติดี มีความเสี่ยงต่ำมาก คือโอกาสเกิดแค่ 1 : 100,000 ตอนท้อง 5 เดือนน้ำหนักฉันยังเพิ่มขึ้นน้อยมาก อาการแพ้ท้องก็ยังคงเดิม หมอบอกว่า เด็กในท้อง มีน้ำคร่ำน้อย และตัวเล็กกว่าปกติ อาจเป็นเพราะฉันกินอะไรไม่ได้เลย หมอให้ฉันฉีดยากันแท้ง พยายามรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และพักผ่อนให้มาก ๆ
ก่อนท้องฉันเปิดร้านขายของชำ สามีวิ่งรถสิบล้อ เมื่อมีลูกคนนี้ฉันปิดร้านไม่มีกำหนด สามีก็ลางานบริษัทมาช่วยตายายดูแลลูกคนโต เพราะต้องรับส่งลูกไปโรงเรียน จนเจ้าของบริษัทจะให้ออกจากงาน ท้อง 6 เดือน ฉันขย้อนไม่หยุด ทำให้ทุกคนตั้งแต่พ่อแม่ของฉันและสามีมีแต่ความกังวล แต่เมื่ออาเจียนอาหารออกมา ฉันก็พยายามกินเข้าไปใหม่ ความพยายามทำให้น้ำหนักฉันขึ้นมาสองกิโลกรัม แต่เมื่อไปหาหมอตามนัด หมอมีท่าทางไม่สบายใจ บอกฉันว่า น้ำหนักของลูกในท้องเล็ก ตกเกณฑ์เฉลี่ยมาก หนักเพียงสี่ขีดเศษ ขณะที่ท้อง 6 เดือน ไม่ควรจะต่ำกว่า 7 ขีด และน้ำคร่ำก็มีน้อย หมอให้ยากันแท้งอีก และแนะนำให้สังเกตอาการนับลูกดิ้น หากดิ้นน้อย หรือไม่ดิ้น แสดงว่าเด็กอยู่ในอันตราย
หลังจากไปหาหมอ 2 สัปดาห์ อายุครรภ์ได้ประมาณ 26 สัปดาห์ ฉันก็รู้สึกลูกดิ้นน้อย เนื่องจากหมอให้ฉันจดทุกครั้งที่ลูกดิ้น ฉันสังเกตว่าลูกจะดิ้นมาก หากฉันกินข้าวอิ่ม โดยดิ้นนับสิบครั้งหลังกินข้าว ยิ่งหากดื่มน้ำส้มคั้นเย็นๆ ลูกก็จะดิ้นแรง ตอนแรกฉันคิดว่าเพราะฉันกังวล ทะเลาะกับสามีเรื่องลูกคนโต แต่เมื่อรอตั้งแต่เช้าจนถึงกลางวันของอีกวัน ไม่รู้สึกลูกดิ้น ฉันบอกสามี พ่อแม่ และตัดสินใจไปหาหมอ
ไปถึงโรงพยาบาล หมอตรวจหน้าท้อง และตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ หมอเงียบผิดปกติ เชิญสามีและพ่อแม่เข้ามาดูด้วยกัน หมอบอกลูกของฉันหัวใจไม่เต้นแล้ว มีลักษณะขาดอาหารมาก ฉันเสียใจมาก ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น สามีและพ่อแม่ของฉันต่างก็ร้องไห้ หมอบอกว่าหมอก็รู้สึกเสียใจ แต่คาดว่าลูกในท้องคงมีปัญหาอะไร จึงได้เสียชีวิต เช่น เขาอาจมีความพิการร่างกาย
เนื่องจากลูกในท้องอยู่ในท่าขวาง ท้องที่แล้วฉันก็ผ่าคลอด ฉันจึงขอให้หมอผ่าคลอดให้ ฉันรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ทำไมเด็กสาวหลายคนในหมู่บ้านที่ไม่พร้อมจะมีลูก จึงท้องเอาๆ และลงเอยด้วยการทำแท้ง แต่ฉันสิ อยากมีลูกใจจะขาด แต่กลับไม่มี ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ฉันปรึกษาพ่อแม่และสามีว่า การตั้งท้องสำหรับฉันเป็นเรื่องลำบากเหลือเกิน ฉันคิดว่าคงไม่มีลูกอีกแล้ว จึงขอให้หมอทำหมันไปด้วย
อ่านต่อ >> “สิ่งที่แม่พบเมื่อผ่าคลอดทารกเสียชีวิตในครรภ์” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่