ทารกในครรภ์ โตช้า – (fetal growth restriction; FGR) คือ การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ที่ผิดปกติ เป็นภาวะที่ทารกในครรภ์มีขนาดเล็กกว่าเกณฑ์ปกติที่คาดไว้สำหรับจำนวนสัปดาห์ของการตั้งครรภ์ (อายุครรภ์) กล่าวคือ ทารกมีน้ำหนักโดยประมาณน้อยกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 10 ซึ่งหมายความว่าทารกมีน้ำหนักน้อยกว่า 9 ใน 10 ของทารกที่มีอายุครรภ์เท่ากัน
สาเหตุที่ ทารกในครรภ์ น้ำหนักน้อย โตช้า เป็นเพราะอะไร?
คุณอาจได้ยินคำย่อมากมายในระหว่างตั้งครรภ์ หนึ่งในนั้นอาจเป็น IUGR หรือ FGR หากลูกน้อยของคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเจริญเติบโตช้าเกินเกณฑ์ที่เหมาะสม แสดงว่าน้ำหนักของทารกในครรภ์ต่ำกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 10 สำหรับอายุครรภ์
น้อยกว่าร้อยละ 10 หมายความว่าน้ำหนักน้อยกว่าร้อยละ 90 ของทารกที่มีอายุครรภ์เท่ากัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุหลัก ได้แก่ สุขภาพของมารดา สุขภาพของทารก และปัญหาทางพันธุกรรม
อย่างไรก็ตามทารกในครรภ์ที่มีภาวะการเจริญเติบโตช้าหรือมีพัฒนาการต่ำกว่าเกณฑ์ที่คาดไว้ในระหว่างตั้งครรภ์ทารกอาจยังคลอดออกมามีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติได้หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ที่สำคัญในปัจจุบันภาวะการเจริญเติบโตช้าของทารกในครรภ์นั้นสามารถป้องกันและรักษาได้
สาเหตุที่ทำให้ ทารกในครรภ์ โตช้า น้ำหนักน้อย
ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาระหว่างตั้งครรภ์ ในทางการแพทย์ เชื่อว่าหากเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ มักเชื่อมโยงกับสาเหตุทางพันธุกรรมหรือปัญหาเกี่ยวกับรกหรือสายสะดือ เนื่องจากรกจะให้ออกซิเจนและสารอาหารแก่ทารกที่กำลังเติบโตของคุณ ปัญหาที่ชะลอการไหลนี้อาจนำไปสู่ปัญหาการเติบโตและการพัฒนาการโดยรวม กล่าวคือ ปัญหาอาจเกี่ยวข้องกับรกหรือสายสะดือ อาทิ รกอาจเกาะติดได้ไม่ดี หรือ มีอุปสรรคที่ทำให้เลือดไหลผ่านสายสะดือไปยังทารกได้จำกัด ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ รกและสายสะดือ สรุปได้เป็นข้อต่อไปนี้
- รกเสื่อมสภาพหรือขาดเลือด (placental infarction) ลิ่มเลือดที่รก อักเสบ หรือโครงสร้างหลอดเลือดของรกและทารกพัฒนาไม่ดีตั้งแต่ครรภ์ระยะแรก ดังที่พบว่าระดับ sFlt-1 สูง ซึ่งสะท้อนถึงพัฒนาการรกไม่ดี จะสัมพันธ์กับ FGR ซึ่งอาจสัมพันธ์กับโรคในมารดาอีกต่อหนึ่ง
- รกเกาะต่ำ หรือรกลอกตัวก่อนกำหนดเป็นหย่อม ๆ
- chorioangioma หรือ เนื้องอกของรก สามารถพบได้ในการตั้งครรภ์ประมาณ 0.5 ถึง 1%
- รกผิดปกติ เช่น circumvallate placenta และ marginal หรือ velamentous insertion ของสายสะดือ
- สายสะดือผูกเป็นปม (true knot) ก็สามารถทำให้ขัดขวางเลือดและเกิด FGR ได้
- ระดับฮอร์โมนจากรกหลายตัวต่ำกว่าทารกปกติ เช่น hCG, PAPP-A หรือซีรั่มมาร์คเกอร์สำหรับคัดกรองดาวน์ในไตรมาสที่สองก็ค่อนข้างต่ำในทารก FGR
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตผิดปกติได้ ทั้งปัจจัยด้านสุขภาพของมารดาและทารก
ปัจจัยในมารดาที่อาจทำให้ทารกในครรภ์โตช้า ได้แก่
- แม่มีความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ภาวะโลหิตจางรุนแรง เช่น beta-thalassemia/HbE disease หรือ HbH disease เป็นต้น
- โรคปอดหรือโรคไตเรื้อรัง
- ภาวะภูมิต้านตนเองเช่นโรคลูปัส
- น้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์ (โรคอ้วน)
- การใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติด เช่น โคเคน phenytoin trimethadione เป็นต้น
- การสูบบุหรี่
- โรคทางหลอดเลือดในมารดา เช่น ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง ความดันสูงจากการตั้งครรภ์ โรคทางคอลลาเจน โรคหลอดเลือดจากเบาหวาน มีความสัมพันธ์ผกผันระหว่างการเติบโตของทารกกับความดันโลหิตของมารดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดันโลหิตสูงที่เป็นสาเหตุของ preclampsia
- ภาวะขาดอาหาร เช่น ทุพโภชนาการ หรือมารดามีโรคเรื้อรังที่ทำให้การดูดซึมสารอาหารผิดปกติ เช่น แผลเรื้อรังในทางเดินอาหาร หรือการตั้งครรภ์ที่ติดกันมากเกินไป เป็นต้น
- มารดาตัวเล็ก (BMI ต่ำ) หรือมารดาที่น้ำหนักขึ้นน้อย ซึ่งมารดาไม่สามารถปรับตัวเพิ่มปริมาตรเลือดขณะตั้งครรภ์ได้เท่าที่ควร
- ภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง เช่น อยู่ในถิ่นภูมิประเทศสูง หรือมารดามี cyanosis จากโรคหัวใจ
- โรคไตบางชนิดที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง หรือมีการสูญเสียโปรตีน
- ครรภ์แฝด มักทำให้มวลรกต่อทารกแต่ละคนลดลง ทำให้สารอาหารที่ไปยังทารกแต่ละคนลดลง
- Antiphospholipid antibody syndrome ทำให้เกิดการจับตัวกันของเกล็ดเลือด และมีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ โดยเฉพาะในรก
ปัจจัยในทารกที่อาจทำให้เกิดโรค ได้แก่:
- เป็นฝาแฝดหรือแฝดสาม
- การติดเชื้อในครรภ์
- มีภาวะพิการแต่กำเนิด เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- ปัญหาเกี่ยวกับยีนหรือโครโมโซม
หญิงตั้งครรภ์บางรายไม่มีอาการของ FGR แต่ทารกที่มี FGR อาจมีอาการบางอย่างหลังคลอดได้ เช่น
- น้ำหนักแรกเกิดต่ำ
- น้ำตาลในเลือดต่ำ
- อุณหภูมิร่างกายต่ำ
- ระดับเม็ดเลือดแดงสูง
- ปัญหาในการต่อสู้กับการติดเชื้อ
การวินิจฉัยภาวะ ทารกในครรภ์ โตช้า
สาเหตุหลักประการหนึ่งสำหรับการตรวจภายในก่อนคลอดเป็นประจำคือ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้อยของคุณมีการเจริญเติบโตที่ดี ซึ่งในระหว่างตั้งครรภ์ ขนาดของทารกจะถูกประมาณการด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่
ความสูงของมดลูก : ในการตรวจสอบความสูงของมดลูก ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณวัดจากส่วนบนของกระดูกหัวหน่าวไปจนถึงส่วนบนของมดลูก ความสูงพื้นฐาน วัดเป็นเซนติเมตร (ซม.) เท่ากับจำนวนสัปดาห์ของการตั้งครรภ์หลังสัปดาห์ที่ 20 ตัวอย่างเช่น เมื่อตั้งครรภ์ได้ 24 สัปดาห์ ความสูงของมดลูกควรอยู่ที่ 24 ซม. หากความสูงของมดลูกน้อยกว่าที่คาดไว้ อาจหมายถึงภาวะทารกเจริญเติบโตช้า
หากผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณคิดว่าคุณเข้าข่ายผิดปกติ คุณอาจจำเป็นต้องทำการทดสอบอื่นๆ ซึ่งรวมถึง
อัลตราซาวนด์ทารกในครรภ์ : การประมาณน้ำหนักทารกในครรภ์ด้วยอัลตราซาวนด์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจหาความผิดปกติ การอัลตราซาวนด์ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างภาพทารกในครรภ์ คลื่นเสียงจะไม่เป็นอันตรายต่อคุณหรือทารก ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหรือช่างเทคนิคจะใช้ภาพเพื่อวัดทารก การวินิจฉัยขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างการวัดจริงและที่คาดหวังในอายุครรภ์ที่แน่นอน
อัลตราซาวนด์แบบ Doppler : หรือ การใช้คลื่นเสียงตรวจการไหลเวียนของหลอดเลือดดำการอัลตราซาวนด์ชนิดพิเศษนี้ทำเพื่อตรวจสอบการไหลเวียนของเลือดผ่านสายสะดือไปยังทารก การไหลเวียนของเลือดที่ลดลงหรือถูกจำกัดอาจหมายความว่าลูกน้อยของคุณมีภาวะของการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ และอาจต้องทำการตรวจอัลตราซาวนด์ซ้ำ
อ่านต่อ…สาเหตุที่ ทารกในครรภ์ น้ำหนักน้อย โตช้า เป็นเพราะอะไร? คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่